วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Canteen กับ Restaurant

Canteen เป็นศัพท์ฝรั่งเศสมาจากทหาร เดิมหมายถึง ศูนย์อาหารสวัสดิหารทหาร (ราก คือ มุม+ปกติ=ห้องที่ปกติอยู่ตรงหัวมุม เพราะไม่สำคัญเลยอยู่ตรงหัวมุมตลอด [เดาล้วนๆ]).

Restaurant เป็นศัพท์ฝรั่งเศสเช่นกันหมายถึง ร้านอาหาร (ราก คือ restore+er ผู้ทำสโตร์กลับคืนเดิม คือ ผู้ทำห้องให้กลับมาเต็ม [เดาเช่นกัน]).

cr. https://www.dictionary.com/browse/restaurant
https://www.dictionary.com/browse/canteen

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2561

girl scout cookies คือ ของที่ระลึกเพื่อระดมทุนการกุศลของ GSUSA

girl scout cookies คือ ของที่ระลึกเพื่อระดมทุนการกุศล เดาว่าเริ่มมาจาการขายคุ้กกี้ระดมทุนตั้งแค้มป์ลูกเสือเนตรนารีของเนตรนารีในอเมริกา
ในภาพหมายถึง จงอย่ามาเรี่ยรายขายของบริจาคอะไรแถวนี้ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันเจอมาหมดแล้ว "เว้นแต่ว่าแกจะมาจากองค์กรการกุศลจริงๆ อย่าง Girl Scouts of the USA (GSUSA) " ค่อยว่ากันอีกที.
จริงๆ ค้นเจออีก 2 ความหมาย แต่เดาว่าไม่น่าจะถูกนะ คือ บางคนบอกว่า girl scout cookies คือ กัญชาของรัฐ Northern California, บางคนก็บอกว่า girl scout cookies คือ เนตรนารีที่ขายตัว. แต่คิดว่า ความหมายที่ว่า GSUSA อันนี้น่าจะตรงสุด เพราะองค์กรนี้มีมานานแล้ว.

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561

either อ่าน อายเถอะร์ ตามรากศัพท์ที่มาจากภาษาไวกิ้ง ay, อ่านว่า อีเถอะร์ตามหลักการออกเสียงยุคปัจจุบัน

either อ่านว่า อายเถอะร์ ตามรากศัพท์ที่มาจากภาษาไวกิ้ง ay, อ่านว่า อีเทอร์ ตามภาษาอังกฤษปัจจุบัน.
ฝรั่งจึงอนุญาตการออกเสียงทั้ง 2 วิธี เพราะอันหนึ่งถูกต้องตามโบราณเดิมแท้ของศัพท์,  ส่วนอีกอันก็ถูกต้องตามหลักการออกเสียงปัจจุบัน.

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561

screw อ่านว่า สกรู เพราเป็นคำที่เอามาจากภาษาฝรั่งเศส

screw อ่านว่า สกรู เพราเป็นคำที่ะเอามาจากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งในฝรั่งเศสแต่เดิม สะกดว่า escroue โดย ou ในภาษาฝรั่งเศส อ่านว่า อู จึงออกเสียงเป็น สกรู.


cr. www.google.co.th/search?q=screw+up#dobs=screw

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ฝึกเขียน essay (ตรวจโดย ครูปอย)

It's hard to understand the situation *of people from different nations* *living* together in the same country. The differen*t* lifestyles *are* the cause of ra*c*ism. As I know the asia*n* students often *behave weirdly* in classrooms, i.e. *not questioning their teachers*, and so on.

แก้จาก:

It's hard to understand the situation of the difference nation people live together in the same country. The difference life style is the cause of rasism. As I know the asia students often do the wired behave in classroom, i.e. no making question back to teacher, etc.

15:52 Poy 💬 If I may correct this:

- people from different nations
- different lifestyles/ lifestyle differences
- racism
- Asian students
- (act or) behave weird(ly)/ weird behaviour (or AmE: behavior)

😅🙏


17:29 Poy 💬 ใช้ are living ไม่ได้ เพราะในประโยคมีกริยาหลัก is อยู่แล้ว

ใช้ได้แค่
- ... nations living together...
- ... nations who live together ...

17:33 Poy 💬 ถ้าไม่มี wh word ที่ทำให้เป็น compound/complex sentence กริยาที่ตามจะเป็นได้แค่ 2 รูป คือ
- กริยา ing
- กริยาช่องที่ 3
ขึ้นกับว่าสื่อในเชิงไหน เป็น active หรือ passive voice

17:32 Poy 💬 ตัวอย่างที่เคยยกไปก่อนหน้านี้

- Bangkokians suffer from traffic congestion *which results* from many factors.
- Bangkokians suffer from traffic congestion *resulting* from many factors.

17:24 Poy 💬 หรือไม่งั้นต้องทำเป็น It's hard to understand the situation of people from different nations *who live* together in the same country. ค่ะ

มันเป็นเรื่อง present/past participle ลองอ่านเพิ่มเติมดูนะคะ

จากตัวอย่างนี้ รถติดเกิดจากหลายๆสาเหตุ สื่อว่าเป็น active voice เลยต้องใช้ กริยา ing ค่ะ

แต่ถ้า ถูกทำให้เกิดจาก... สื่อในเชิง passive voice
- Bangkokians suffer from traffic congestion *which is caused* by many factors.
- Bangkokians suffer from traffic congestion *caused* by many factors.

17:39 Bonn ถ้าอนุประโยคพวกนี้ตัดทิ้งไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่คอมม่าแบบตัวอย่างข้างบน แต่ถ้าตัดทิ้งได้ ก็ใส่คอมม่า?
17:40 Poy 💬 อันนี้เป็นคนละเรื่องกับ Oxford comma ค่ะ

ถ้าจะใส่ comma หน้าประโยคย่อย ต้องดูว่าเป็น defining หรือ non-defining sentence (บางคนเรียกเป็น essential กับ non-essential)

17:44 Poy 💬 เช่น

- My father, who is tall and handsome, works as a pilot. เป็น non-defining เพราะ ตัดประโยคย่อยภายใน comma ทิ้งไปได้ และยังคงความหมายเดิมอยู่ แบบนี้เลยต้องใส่ comma

- The girl who is wearing a red skirt is my sister. เป็น defining เพราะถ้าไม่ระบุเพิ่มเติม จะไม่รู้เลยว่าเป็นผู้หญิงคนไหน แบบนี้เลยไม่ต้องใส่ comma ค่ะ
17:46 Poy 💬 สรุปว่า ถ้าสามารถตัดประโยคหลัง wh word ออกไปได้ โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยนแปลง (อย่างเรามีพ่อคนเดียว) แบบนี้ต้องใส่ comma หน้า-หลัง เพื่อแสดงว่าเป็นประโยคย่อยหรือใช้เพื่อขยายความเพิ่มเติมค่ะ
17:46 Bonn "The girl who is wearing a red skirt is my sister." = "The girl wearing a red skirt is my sister. "


17:57 Poy 💬 มีข้อสังเกต 2 ข้อ

- คำว่า that เป็น defining เท่านั้น (หมายความว่า จะไม่เคยมี comma หน้า-หลังประโยคย่อย)
- ตัด wh word ใน non-defining ไม่ได้
17:58 Poy 💬 unsent a message.
17:58 Poy 💬 - He is singing the song *which* I really like.
- He is singing the song *that* I really like.
- He is singing the song I really like.

- I bought a new laptop, which I take with me everywhere.


18:31 Poy 💬 - In classroom ในกรณีนี้ไม่ต้องใส่ article ได้ค่ะ เพราะหมายถึงทั่วๆไป (และจำนวนมากกว่า 1) เหมือนกับ Kids walk to school.

- ข้างหลังไม่น่าจะผิดเรื่องกรรมตรง-กรรมรอง แต่ฟังดู awkward อาจใช้ง่ายๆเป็น not questioning their teachers
18:39 Bonn อ้อ... เปิดหนังสือ เจอกฎว่า "นามพหูพจน์ที่ไม่มีบุพพบทวลี หรือ อนุประโยคมาขยายให้เป็นเจาะจง ไม่ต้องใส่ article"

18:39 Bonn อ้อ... เปิดหนังสือ เจอกฎว่า "นามพหูพจน์ที่ไม่มีบุพพบทวลี หรือ อนุประโยคมาขยายให้เป็นเจาะจง ไม่ต้องใส่ article"
18:40 Bonn อ่านกี่รอบก็ไม่เคยจำ แต่ครั้งนี้จะจำไม่ลืม 555
18:45 Message unsent.
18:46 Poy 💬 ส่วนตัวก็ยังใช้ผิดบ่อยๆเหมือนกัน แต่อาจารย์บอกว่า article เป็นเรื่องยาก ทำให้ยากที่จะใช้ถูกหมด 100% 😅
18:47 Bonn , i.e. *not questioning their teachers*, etc. จริงๆ อันนี้พยายามเลี่ยง เวลายกตัวอย่างพยายามทำให้เป็นนามมาตลอด เพราะไม่รู้ว่า ถ้าใช้เป็น verb (not questioning) มันจะถูกไหม.
18:49 Poy 💬 เอาจริงๆนะ

ในหลักการเขียนที่ดี จะไม่ใช้ etc. เพราะยังมีคำอื่นๆที่ใช้แทนได้ เช่น

- ..., and so on.
- ..., and others.
- ..., and the list goes on.
18:50 Poy 💬 unsent a message.
18:50 Poy 💬 unsent a message.
18:51 Poy 💬 คือ กริยา ing เท่าเทียบกับคำนาม (แปลว่า การ..., ความ...)

เหมือน
- I like swimming.
- Writing is my least favourite skill.
18:52 Bonn อ้าว แล้วทำไมเป็น not?
18:53 Poy 💬 Not having 3 meals a day is unhealthy.
18:54 Bonn กรี๊ดดด กิน 2 มื้อ เกือบทุกวัน
18:55 Poy 💬 Not having kids is his dream.

สรุป จะใส่ not หรือไม่ใส่ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ
18:55 Bonn ช่วงนี้นั่งๆ นอนๆ กินหลายมื้อ กลัวคอเรสเตอรอล
18:56 Bonn หมายถึงว่า ทำไมไม่เป็น no ?

18:58 Bonn https://dictionary.cambridge.org/grammar/british-grammar/no-or-not

18:58 Bonn ได้คำตอบแล้ว แต้งกิ้วๆ
19:00 Poy 💬 เพราะ no มักจะตามด้วยคำนาม เช่น I have no money.

แต่ having คือกริยา ing ที่ทำหน้าที่เสมือนคำนาม และ not ใช้ปฏิเสธคำกริยา

I don’t have money.
แต่ไม่เคยมี I do no have money.

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

(รวมลิงก์คลิป youtube ข้างล่าง) การฟัง ผมคิดว่า ควรฝึกจาก phonetic, word linking, intonation, แล้วก็ ท่อง vocabulary

(รวมลิงก์คลิป youtube ข้างล่าง) การฟัง ผมคิดว่า ควรฝึกจาก phonetic, word linking, intonation, แล้วก็ ท่อง vocabulary ที่เกี่ยวข้อง กับท่อง ประโยคที่ใช้บ่อยๆในสถานการณ์นั้นๆ ให้ถูก phonetic&word linking&intonation ครับ.

ส่วน inspiration นั้น ควรหาจากสิ่งที่เราทำบ่อยที่สุด เช่น หาข้อมูลของงานที่ทำบ่อยๆ ในภาษาอังกฤษ (งานก็ก้าวหน้า ภาษาก็ได้ด้วย), แปลเพลงที่ชอบ, ฝึก phonetic&word linking&intonation จากเพลงที่ชอบ, เข้าบอร์ดฝรั่งของสิ่งที่ชอบมากๆ แล้วตอบปัญหาเรื่องนั้นในภาษาอังกฤษ, etc.

เอาไลน์ id มา เดี๋ยวพาเข้ากลุ่มฝึกภาษาอังกฤษ แต่ต้องขยันเข้าไปcalling นะ โดยเฉพาะสัปดาห์แรก ไม่งั้นเจ้าของกลุ่มเขาจะเตะเราออกจากกลุ่ม. ผมเข้าไปพูดคุยกันแทบทุกวัน ฟังไม่รู้เรื่องก็กลั้นใจฟังไป ไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง เรื่องซีเรียสบ้าง เรื่องฮาบ้าง เรื่องภาษาบ้าง จนสนิทกันครับ. แล้วมันเห็นได้ชัดเลยว่า คนที่หายหน้าหายตา พอกลับเข้ามา จะพูดไม่คล่องเหมือนเดิม 5555

https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=-SObetOJ_yY&t=398s
https://www.youtube.com/results?search_query=english%20intonation
https://www.youtube.com/results?search_query=english+word+linking

cut ออกเสียงว่า cut เพราะไม่มี สระ e แบบ cute

cut ออกเสียงว่า cut เพราะไม่มี สระ e แบบ cute, สระ e ทำให้ cute อ่านว่า cu-te แต่ te มีเสียงน้อย เพราะ t เป็น voiceless ในระบบ phonetic (ในภาษาฝรั่งเศสก็ใช้หลักคล้ายกันนี้ เพราะเป็นภาษากลุ่ม indoeuropian เหมือนกัน).

หนึ่ง แต่ cut กูเกิ้ลให้ออกเสียงชวานะ, ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับแบบอเมริกัน.

https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/cute

https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/cut
วิเคราะห์ศัพท์ #concurrence:
con ในอรรถ "ร่วมกัน" เหมือนคำว่า contain = con (ร่วมกัน) + tain (บรรจุ,ถึง,อยู่).
currence ก็คือ cur ใน อรรถ "ปัจจุบัน" เป็นนามธรรม (abstract form) ของ current นั่นเอง เหมือนคำว่า cursor (mouse pointing) ก็คือ concrete form ของ current เช่นกัน ครับ.
Concurrence จึงแปลว่า นามธรรมร่วมกัน ก็คือ ฉันทามติ ความเห็นชอบร่วมกัน ความเห็นพ้องกัน ความตกลงปลงใจร่วมกันนั่นเอง.


Idiot, prick จะประมาณ stupid และอื่นๆ

cr. ครูปอย

ขอเพิ่มเติมคำศัพท์นิดนึง เพราะจะค่อนไปทาง British slang
ประโยค Sebastian, I’m feeling a little randy.
ต่อมา ประโยค Really? That’s smashing news.
ยังมีประโยค I’m just coming over there to give you a jolly good rogering.

น่าจะพูดประมาณนี้นะคะ
ถือว่าได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆแล้วกัน 555
ไม่รู้ว่า มีใครเคยดูซีรีย์ฝั่งอังกฤษ เรื่อง Skins หรือเปล่า เก่าพอสมควร

เพราะเป็นเกี่ยวกับวัยรุ่น ศัพท์พวกนี้ก็เลยเยอะหน่อย ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็ถือว่าได้รู้ศัพท์ใหม่ไปในตัว (ถึงจะไม่เคยเอาไปใช้ก็ตาม) 555

ขอยกตัวอย่างบางอันที่ยังพอจำได้
เลยจะสรุปคำที่เอาไว้ใช้ว่าคนอื่นได้ประมาณนี้

- ไม่แรงมาก (หรือเปล่า 555)
Idiot, prick จะประมาณ stupid

- แรงขึ้นมาอีกนิด
Bastard (แต่ถ้าเป็น old-fashioned จะหมายถึง ลูกนอกไส้ เกิดจากภรรยานอกสมรส เหมือนใน Game of Thrones)

- แรงมากๆ ไม่ควรใช้เลย
Twat, wanker (อันนี้เคยถามฝรั่งที่พูดไทย เค้าบอกว่า แปลว่า หน้าตัว...) 😑
แต่อย่างคำว่า wicked ที่แปลว่า เจ๋ง เหมือน cool, awesome

ใน Harry Potter ก็มีใช้หลายครั้งเหมือนกันนะ 😉

หลักการสนทนาให้ต่อเนื่องไม่ใช่ต่างคนต่างเงียบ

หลักการสนทนาให้ต่อเนื่องไม่ใช่ต่างคนต่างเงียบ
1. clarification ซักให้เคลีย
2. simplification พูดให้ง่าย
3. verification ใช่หรือไม่

สำนวนทักทายใช้บ่อย, และไม่เกรงใจ

Hey! it has been a while
Hay! long time no see (อันนี้อังกฤษเอามาจากคนจีน)
Hay! how's life

https://www.facebook.com/EasyEnglishThai2017/videos/2082765665335459/

อย่างเกรงใจ considerate (adj)
ไม่เกรงใจ inconsiderate
ฉันเกรงใจเพื่อนร่วมงาน I feel bad for the people who are working.
ฉันไม่อยากรบกวยพวกเขา I don't want to disturbe them.


https://www.facebook.com/EasyEnglishThai2017/videos/2145754539036571/

งานแต่งเองร้องเองก็มา #IfClauseSong

งานแต่งเองร้องเองก็มา #IfClauseSong

If I sing it, she will cry.
If I sang it, she would die.
If I hadn't sung once more time,
she would has slept in peace~

ถ้าฉันร้องเพลง เธอจะงอแง,
เนื่องจากฉันไม่ได้ร้องเพลงเลย, เธอเลยไม่ได้งอแง,
ถ้าฉันไม่ได้ร้องเพลงสักครั้ง, เธอก็คงหลับสบายไปแล้ว 555

ได้ inspiration จาก https://www.youtube.com/watch?v=pOESKr4HRG0&list=PLswOMTIz20LIJ-qp9Ib6xCe3HZprdp7f3


ใช้ "Did you ever met Elvis Presley?" กับ Celine Dion ไม่ได้ และใช้ "Have you ever met Celine Dion?" กับ Elvis Presley ไม่ได้เช่นกัน

ใช้  "Did you ever met Elvis Presley?"  กับ Celine Dion ไม่ได้ และใช้ "Have you ever met Celine Dion?" กับ Elvis Presley ไม่ได้เช่นกัน. เว้นแต่จะเป็นหนังสือประวัติที่เล่าเหมือนกับว่าผู้แต่งอยู่ในยุคของ Elvis Presley ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ.

I wondered about "did you ever" and "have you ever", and I have found above topic from stackexchange.
conclusion: "did you ever" ask about the finished time, but "have you ever" ask about the time until this present moment, i.e. "Did you ever met Elvis Presley?" and "Have you ever met Celine Dion?". The both example can't use as the stand-in of each other, because we ṣtill able to meet Celine Dion, but Elvis Presley.

https://english.stackexchange.com/questions/287078/is-it-wrong-to-use-did-you-ever-in-a-sentence
cr. ครูปอย

เท่าที่รู้มานะคะ นอกจากความแตกต่างระหว่าง American กับ British English แล้ว ก็จะมีรายละเอียดย่อยด้วย

1- มีความแตกต่างระหว่าง American English กับ British English โดยเฉพาะในภาษาพูด เพราะ American English ไม่ค่อยใช้ Perfect Tenses

I ate. (ทานข้าวไปแล้ว ตอนนี้อาจเริ่มรู้สึกหิว)

I have just/already eaten. (ทานไปแล้ว อาจเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยังรู้สึกอิ่ม)

I just ate. (เป็น American English ที่หมายถึงได้ทั้ง 2 กรณีข้างต้น)

ใน British English จะไม่ใช้ just/already กับ Past Tenses ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน

 อีกตัวอย่าง

I went to Thailand (when I was young).
เคยไปเมืองไทย แต่อาจเป็นตอนเด็กมากๆ ตอนนี้จำอะไรไม่ได้เลย อาศัยฟังจากที่พ่อแม่เล่า

I have been to Thailand.
เคยไปเมืองไทย แต่อาจเป็นตอนโตแล้ว เพราะยังพอจำรายละเอียดได้

อีกตัวอย่าง

I saw/watched Harry Potter and the Chamber of Secret.
เคยดู แต่แทบจำเนื้อหาของเรื่องไม่ได้

I have seen/watched Harry Potter and the Chamber of Secret.
เคยดู และยังพอจำเนื้อหาได้

2- เรื่องของคำศัพท์

ขอยกตัวอย่าง เรื่อง film/movie ที่เคยคุยกัน @BonnWarapol

We “saw” Harry Potter and the Chamber of Secret last night. (ดูที่โรงเท่านั้น)

We “watched” Harry Potter and the Chamber of Secret last night. (ดูที่อื่น เช่น บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน ฯลฯ)

We were “watching” Harry Potter and the Chamber of Secret when you called. (กำลังดูอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงหรือที่อื่นๆ)
Have you “seen” Harry Potter and the Chamber of Secret?

Have you “watched” Harry Potter and the Chamber of Secret?

กรณีนี้ (ถามว่า เคยดูหรือยัง) ที่เคยรู้มาตั้งแต่แรก จำเป็นต้องใช้ see

แต่ต่อมา สังเกตเห็นคนใช้ watch เลยเอาไปถามคนอเมริกัน และเค้าบอกว่า ความหมายเหมือนกันค่ะ
(และอาจเชื่อมโยงกับข้อ 1) ตอนนี้บางคนก็ไม่เห็นความแตกต่างระหว่าง 4 ตัวนี้แล้วค่ะ

Did you “see” that film they talked much about?

Did you “watch” that film they talked much about?

Have you “seen” that film they talked much about?

Have you “watched” that film they talked much about?

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ถ้าใช้ by อย่าเจาะจง article ใดๆ เพราะตัวหลังจาก by เป็น mass noun (abstract) คือ method of transportation ไม่ใช่ count noun.

ถ้าใช้ by อย่าเจาะจง article ใดๆ เพราะตัวหลังจาก by เป็น mass noun (abstract) คือ method of transportation ไม่ใช่ count noun.

คือ  ไม่ใช่ by เจาะจงตัว แต่ต้องเป็นแค่ by ประเภท
เช่น ไม่ใช่ by  bike ไม่ใช่ by my bike ได้แค่ by bike เท่านั้น

https://english.stackexchange.com/questions/288596/why-is-i-go-to-work-by-my-bicycle-wrong

through (ถรูก์ห), though (โถก์ห), thought (ถอก์ห-ฏึ), และ taught (ฏอจ-ฏึ)

ตะกี้ดูซีรีส์ฝรั่งแล้ว เจอคำว่า through ฟังเข้าออกเสียงแล้วก็ทำให้รู้ว่า ทำไม through (ถรูก์ห), though (โถก์ห), thought (ถอก์ห-ฏึ), และ taught (ฏอจ-ฏึ) จึงออกเสียงต่างกัน เลยมาเล่าให้ฟัง.

#though (โถก์ห) โดยหลักของ middle english (french) ou ต้องออกเสียง อู (เช่น pour ปูค) เป็น ถู ซึ่งManners of articulation (ฐานกรณ์) ต้องห่อปาก และ g ก็ต้องปิดฐานคอ (คล้ายคำไทยว่า "ถูก") แต่เพราะต้องออกเสียงท้ายว่า h ซึ่งฐานกรณ์อยู่ที่ทรวงอก ฉะนั้น ความแรงของลม ทำให้เสียงที่ออกมากลายเป็นเปลี่ยน ou กับ h เป็น โอ โถห์ ในที่สุด.

#through (ถรูก์ห) คำนี้ วิเคราะห์แบบเดียวกับ though แต่ตัว r ไม่ว่าจะสำเนียง uk หรือ us กรณ์ต้องยกโคนลิ้นขึ้นไปที่ฐาน (แต่ us สะบัดปลายลิ้นขึ้นท้าย r ด้วย) ทำให้ช่องลมที่ควรจะออกเป็นโถก์หมันแคบลงเหมือนตอนที่ออกสระอูด้วยปาก เสียงจึงออกมาเป็น "อู" แทน "โอ", ฐานกรณ์คนละอย่างกัน แต่เสียงที่ออกมาจะเหมือนกัน.

#thought (ถอก์ห-ฏึ) คำนี้ วิเคราะห์แบบเดียวกับ though เช่นกันออกเสียงแบบเดียวกัน แต่เพราะถูกเสียง t ท้ายมาปิดช่องลมของ h เสียงจึงลดลงมาจาก โอ เหลือแค่ ออ. th ฐานอยู่ที่ไรฟัน ส่วน t ท้าย ฐานอยู่ที่ปุ่มเหงือก.

#taught (ฏอจ-ฏึ) โดยหลักของ middle english (french) au ต้องออกเสียง โอ (เช่น au bon pain โอ บอง แปง) แต่เพราะถูกเสียง t ท้ายมาปิดช่องลมของ h เสียงจึงลดลงมาจาก โอ เหลือแค่ ออ. th ฐานอยู่ที่ไรฟัน ส่วน t ท้าย ฐานอยู่ที่ปุ่มเหงือก.

ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะไม่ออกเสียง 4 คำนี้สลับกันอีกเลย เพราะพอขยับฐานกรณ์ผิด จะรู้ทันทีว่า เสียงมันจะออกมาผิดแน่นอน.

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

12 tenses in one paragraph

2018-10-06

Samutprakarn had been being an industrial city of thailand when I born. My parent had moved to Samutprakarn then they got jobs here. Sometime I cried and disturbed them while they were working their job. 
I  am writing this homework, after I have woken up. I have been writing this homework when that cat is meowing. I like the cats however I am allergic to weather, included cats.
It will rain. I will be lying in the bed, while it will has been raining by the next monsoon season. But I will have left the job, before I will act like that, LOL.

2018-10-06

แก้แล้ว ที่ถูกต้อง คือ:

When I was a baby, after I had played by the afternoon, I used to sleep through the night, while the night security guard was working. I had been sleeping since early evening, when my mother woke up at 4 A.M. I have been living in Bangkok since I became a teenager. I am living in Wattanā district, so you can meet me in the metropolis. I have resigned from my last job and will go to apply for a new job soon. I will have applied for a new job by next month. I will have been working for the new job at least 1 month by January 2019.

ก่อนแก้:

Past: When I was a baby, I was sleeping through the night, after I had played by the afternoon. I had been sleeping since the evening, when my mother woke up at 4 A.M.
Present: I have been living in Bangkok, since I became a teenager. I am living in Wattanā district, so you can meet me in the metropolis. I have resigned my last job and I will go to apply a new job soon.
Future: I will have applied a new job by next month. I will have been working with the new job at least 1 month by January 2019.

หลักการวินิจฉัย:

When I was a baby, I was sleeping through the night, after I had played by the afternoon. (ผิด เพราะ past con ควรจะต้องกำลังเปรียบเทียบกับอีกเหตุการณ์ด้วย) I had been sleeping since the evening (ไม่ควรใช้ The เพราะให้ความหมายเหมือน this), when my mother woke up at 4 A.M. I have been living in Bangkok, since I became a teenager  (ไม่ควรใส่ comma หน้า since). I am living in Wattanā district, so you can meet me in the metropolis. I have resigned my last job and I will go to apply a new job soon [I have resigned “from” my last job “,”and I will go “(to)” apply “for” a new job soon]. I will have applied a new job by next month (apply “for”). I will have been working with (ใช้ for ไม่ใช่ with) the new job at least 1 month by January 2019.


การใช้ adjective phase กับ adjective noun

family's (adjective phase) member (noun).

family (adjective noun) member (noun).

เมื่อเป็น adj phase ก็แสดงว่า มีคำมากกว่า อาจช่วยให้เข้าใจรายละเอียดของเรื่องนั้นได้ดีกว่า, แต่ก็อาจจะทำให้ประโยคเยิ่นเย้อด้วย.
เมื่อเป็น adj noun ก็แสดงว่า มีคำน้อยกว่า อ่านสบายตาขึ้น แต่ถ้าไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคำอยู่ก่อนแล้ว อาจเข้าใจผิดได้
เช่น Tell to that family member whether the bus going to release at 6 P.M.
ความจริงอาจจะมาจาก
Tell to that member going with the family whether the bus going to release at 6 P.M.
ไม่ใช่ Tell to that member of the family whether the bus going to release at 6 P.M.
เพราะแบบหลังนี้ อาจบอกผิดคน แล้วตกรถได้

verb ที่ผันแล้วและยังไม่ผัน infinitive/infinite verb with to; finite verb with -ing/-ed without to

Define, Finite, Infinitive มาจาก fīnīre ในภาษาละตินที่แปลว่า กำหนด, จำกัด.

กำหนดอะไร จำกัดอะไร?

finite verb คือ verb ที่ถูกจำกัด 1. บุรุษ (บุคคล, person) 2. จำนวนบุรุษ (number) และ 3. เวลาที่บุรุษนั้นเป็นอยู่ทำอยู่ (tense).
เช่น am ใน I am going to school เป็น finite verb เพราะเข้าองค์ประกอบการถูกจำกัดความทั้ง 3 ข้อ คือ:
  1. am กำหนดบุรุษที่ 1 คือ I. ไม่มีใครใช้ am  กับบุรุษที่ 2 อย่าง you หรือบุรุษที่ 3 อย่าง she.
    • เช่น ไม่มีใครพูดว่า  You am going to school.
  2. am กำหนดจำนวนบุรุษว่า เป็น 1 คน (single). ไม่มีใครใช้ We ซึ่งมีจำนวนเกินหนึ่งกับ am.
    • เช่น ไม่มีใครพูดว่า  We am going to school.
  3. am กำหนดเวลาว่าเป็นปัจจุบัน. ไม่มีใครใช้ am กับอดีต.
    • เช่น ไม่มีใครพูดว่า  I am going to school, last year.
Infinite verb  คือ verb ที่ยังไม่ถูกจำกัดความ 3 ข้อข้างต้น.
เช่น going ใน I am going to school เป็น finite verb เพราะมีไม่ครบองค์ประกอบการถูกจำกัดความทั้ง 3 ข้อ คือ:
  1. going ใช้ได้กับทั้งบุรุษที่ 1 อย่าง I, บุรุษที่ 2 อย่าง you, และบุรุษที่ 3 อย่าง she.
    • I/you/they am/are/are going to school ก็ถูกทั้งหมด.
  2. going ใช้ได้กับบุรุษคนเดียว (single) อย่าง I หรือ ใช้กับบุรุษหลายคน (plural) อย่าง We ก็ได้.
    • I/you/they am/are/are going to school ก็ถูกทั้งหมด.
  3. going ใช้ได้ทั้ง 3 กาล ในรูป gerund และ main verb.
    • I am/was/will be going to school ก็ถูกทั้งหมด.
Infinitive ก็คือ infinite นั่นเอง เป็น adjective เหมือนกัน, แต่ infinitive จะใช้กับการเรียน grammar มากกว่า เพื่อให้เข้าชุดกับ คำศัพท์ที่ใช้เกี่ยวกับแกรมม่าด้วยกัน เช่น accusative, subjunctive, nominative, genitive, substantive, imperative, ablative, dative. แต่ที่บางแห่งใช้ infinite เพราะในพจนานุกรมไม่มีคำว่า finitive ฉะนั้น เมื่อต้องอธิบายความต่างของ infinite verb กับ finite verb พร้อมกัน ก็จะเปลี่ยนไปใช้คู่ finite กับ infinite แทนให้เข้าชุดกัน เพราะจะใช้ finite กับ infinitive มันทำให้ดูไม่เข้าคู่กัน.

Infinitive with "to" คืออะไร?
คือ Infinitive verb with to นั่นเอง. เรารู้ว่า verb ตัวนี้ เป็น infinitive ด้วย to (pre-position;บุพพ-บท) ที่ใส่เข้ามาข้างหน้า, ฉะนั้น เราจึงเรียกมันว่า Infinitive verb ที่มาพร้อมกับ to.

Infinitive without "to" คืออะไร?
คือ Infinitive verb without to นั่นเอง. เรารู้ว่า verb ตัวนี้ เป็น infinitive ด้วย -ing/-ed suffix แทน (suffix;ปัจจัย) ไม่มี to preposition ที่ใส่เข้ามาข้างหน้า, ฉะนั้น เราจึงเรียกมันว่า Infinitive verb ที่ไม่ได้มาพร้อมกับ to ข้างหน้า แต่มาพร้อมกับ -ing/-ed ข้างหลังแทนนั่นเอง.

Finite verb ที่ถูกผันรูป คืออะไร?
ผันรูป เป็นคำภาษาไทยที่แปลมาจาก รูปํ ผนฺทาเปติ ในภาษาบาลีที่แปลว่า"เปลี่ยนรูป", เป็นคำแปลภาษาไทยของคำว่า changing form ที่แปลว่า"เปลี่ยนรูป"เหมือนกันนั่นเอง. 
อย่างในเรื่อง finite verb นี้: some finite verb is changed form by -ed suffix, e.g. ran, finite verb, is changing from "run+ed" from to "ran" form by  -ed suffix. ก็แปลว่า บางกิริยาที่ถูกเปลี่ยน/ผันรูปก็ถูกผันรูปด้วย -ed ปัจจัย เช่น ran, ที่เป็นกิริยาที่ถูกผันแล้ว, ก็ถูก -ed ปัจจัยมาทำให้เปลี่ยนจากรูป run+ed (past tense). ไปเป็นรูป ran นั่นเอง.

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การออกเสียงรัฐ Massachusetts กับ Missouri


ˌMassa'chusetts (UK ​ /ˌmæs.əˈtʃuː.sɪts/ US ​ /ˌmæs.əˈtʃuː.sɪts/)
  1. ชื่อเมืองมาจาก ชาว Massachusett ซึ่งเป็นคนบริเวณเขา Great Blue Hill 
  2. เป็นรัฐฝั่ง NorthEast ในกลุ่ม New England สมัยโบราณ; ฉะนั้น คนอเมริกันจะออกเสียงชื่อรัฐตามหลัก Phonetic ของ English,
  3. ปัจจุบันไม่ถูกจัด Division ในชื่อ New England, 
  4. ตัวย่อของรัฐ คือ MA จากสองตัวอักษรแรกของชื่อรัฐ.
Mis'souri (UK ​ /mɪˈzʊə.ri/ US ​ /mɪˈzʊr.i/)

  1. ชื่อรัฐมาจากชนเผ่า Missouri Indians, a Siouan-language tribe,
  2. เป็นรัฐฝั่ง MidWest ในกลุ่ม French Colony สมัยโบราณ ปัจจุบันยังมีคนเชื่อสาย French ดั้งเดิมอยู่; ฉะนั้น คน US จะออกเสียงชื่อรัฐตาม Phonetic ของ French,
  3. อยู่ใน West North Central Division,
  4. ตัวย่อของรัฐ คือ MO โดยที่ตัว O ไม่มีความหมายใดๆ ไปรษณีย์โบราณ ใช้ตัว O เพื่อกันสับสนกับรัฐอื่นเท่านั้น.



https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/massachusetts?q=Massachusetts

https://en.wikipedia.org/wiki/Massachusetts

https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/missouri?q=Missouri

https://en.wikipedia.org/wiki/Missouri



ที่เป็นที่มาของชื่อรัฐ Massachusetts ที่แปลว่า บริเวณเล็กๆ ตรงแนวเขาใหญ่ Great Blue Hill 

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561

วิธีฝึกการฟังภาษาอังกฤษ

(รวมลิงก์คลิป youtube ข้างล่าง) การฟัง ผมคิดว่า ควรฝึกจาก phonetic, word linking, intonation, แล้วก็ ท่อง vocabulary ที่เกี่ยวข้อง กับท่อง ประโยคที่ใช้บ่อยๆในสถานการณ์นั้นๆ ให้ถูก phonetic&word linking&intonation ครับ.


ส่วน inspiration นั้น ควรหาจากสิ่งที่เราทำบ่อยที่สุด เช่น หาข้อมูลของงานที่ทำบ่อยๆ ในภาษาอังกฤษ (งานก็ก้าวหน้า ภาษาก็ได้ด้วย), แปลเพลงที่ชอบ, ฝึก phonetic&word linking&intonation จากเพลงที่ชอบ, เข้าบอร์ดฝรั่งของสิ่งที่ชอบมากๆ แล้วตอบปัญหาเรื่องนั้นในภาษาอังกฤษ, etc.

เอาไลน์ id มา เดี๋ยวพาเข้ากลุ่มฝึกภาษาอังกฤษ แต่ต้องขยันเข้าไปcalling นะ โดยเฉพาะสัปดาห์แรก ไม่งั้นเจ้าของกลุ่มเขาจะเตะเราออกจากกลุ่ม. ผมเข้าไปพูดคุยกันแทบทุกวัน ฟังไม่รู้เรื่องก็กลั้นใจฟังไป ไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง เรื่องซีเรียสบ้าง เรื่องฮาบ้าง เรื่องภาษาบ้าง จนสนิทกันครับ. แล้วมันเห็นได้ชัดเลยว่า คนที่หายหน้าหายตา พอกลับเข้ามา จะพูดไม่คล่องเหมือนเดิม 5555

https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=-SObetOJ_yY&t=398s
https://www.youtube.com/results?search_query=english%20intonation

https://www.youtube.com/results?search_query=english+word+linking

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

คำศัพท์ที่ใช้เรียกแทน “ห้องน้ำ”

คำศัพท์ที่ใช้เรียกแทน “ห้องน้ำ”
(ตามความเข้าใจ)

🎈 ฝั่งอเมริกา
- bathroom (ห้องน้ำในบ้าน ที่มีทั้งส่วนอาบน้ำและโถส้วมอยู่ในห้องเดียวกัน)
- restroom (มักเป็นห้องน้ำข้างนอกบ้าน เช่น ร้านอาหาร เป็นต้น)
- washroom
- the crapper
- the shitter
- the John
- the Jakes

🎈 ฝั่งอังกฤษ
- toilet
- lavatory หรือ lavvy
- loo
- WC หรือ water closet (ใช้ในยุโรปแผ่นดินใหญ่มากกว่า)
- en suite (อ่านว่า “สวีท” ไม่ใช่ สูท)

ส่วนคำอื่นๆ อย่างเช่น

- Ladies and Gents
- the ladies’ room หรือ the women’s room
- the gents’ room หรือ the men’s room
- the little girls’ room หรือ the little boys’ room

จะสามารถใช้ได้ทั้งในอเมริกาและอังกฤษค่ะ 😊

ส่วนอันนี้เป็นคำศัพท์เกี่ยวกับห้องน้ำ:

- restroom
- loo
- toilet
- shower
- lavatory
- bath
- water
- washbasin
- water closet
- toilet paper
- sink
- bowl
- en suite
- soap
- pipe
- toothbrush
- bathroom
- mirrow
- shampoo
- toothpaste
- go number 1/number 2
- tap
- tank
- tile
- ladies' room
- carpet
- wall
- light builb
- the Jakes
- curtain
- bucket
- poo
- the John
- razor
- ground
- the Gents
- comb
- window
- facial foam
- the boys' room
- sponge
- light
- ceiling
- lavvy
- drain
- dunny
- the shitter
- faucet
- the crapper

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

พิษ

Venom พิษจากสัตว์
Poison พิษจากพืช อาหาร
Toxic พิษจากสารเคมี ga

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

การจ่ายบิลแบบแยกจ่าย/แชร์จ่าย

"go Dutch" = แยกกันจ่ายตามจริง
"split the bill" or “share the bill” = แชร์ค่าอาหารแบบจ่ายเท่าๆ กัน

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561

what is ดั่งใจ?

what is ดั่งใจ?

"as thought". It come from "ดั่งใจคิด".

ดั่ง use only in this kind of statement:ไม่มีอะไรเป็นไปดั่งใจฉันเลย.

 It is for writing. But sometime people speak it as well. It is not pure poetic. We still use it in daily life. You can also use "ไม่ได้..อย่าง..ใจเลย".

Normally, we use เหมือน.

ไม่ได้ดังใจเลย ไม่ได้อย่างใจเลย ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย ของให้สมดังใจปรารถนา เธอเป็นดั่งดวงดารา ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้เลย ไม่เป้นอย่างที่คิดไว้เลย เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย (but not เป็นดังนั้นจริงๆด้วย)

For without ไม่: เป็นอย่างที่คิดเลย (chaty speaking), เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ (formal speaking/writing), เป็นอย่างนั้นจริงๆ (writing), เป็นงั้นจริงๆ (chaty speaking), เป็นเช่นนั้นจริงๆ (poetic)


มาทำงานกันเถอะ! Let's work!

"มาทำงานกันเถอะ! Let's work!" this's for writing, but for speaking:

"ปะ(ไป)...(then watch at your coworker by invitation eyes then say:)... ทำงานกัน/ได้เวลาทำงานและ(แล้ว)".

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2561

หน้าโลว์ซีซั่นเป็นเวลาพักผ่อน, ฉะนั้น จงทำตัวสบายๆ 

(For the restaurant stuffs) Low season is the time to rest, so be relax!
(สำหรับพนักงานร้านอาหาร) หน้าโลว์ซีซั่นเป็นเวลาพักผ่อน, ฉะนั้น จงทำตัวสบายๆ 

ขอเบอร์โทร/phone number request

"My number is"  เบอร์ผม จดนะ (My phone number is, please take a note, 012345678.) or if you give someone a phone number note: "นี่เบอร์โทรผม (This is my phone number)".
 "What's his number?" = เขาใช้เบอร์อะไร? / คุณมีเบอร์เขาไหม?/ผมขอเบอร์เขาหน่อยสิ
"What was the number again?" = ขออีกทีครับ/รบกวนช่วยทวนเบอร์โทรอีกทีครับ ผมฟัง/ไม่ทัน เบอร์อะไรนะ ขออีกทีสิ or พูดอีกทีสิ.

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ภาษาอังกฤษแบบ Aussie Aussie 😊

ภาษาอังกฤษแบบ Aussie Aussie 😊

🔹 I had a snag, a sanger and chockie bickies for brekkie.
(=I had a sausage, a sandwich and chocolate biscuits for breakfast.)
(ฉันทานไส้กรอก แซนวิช และคุกกี้ชอคโกแลตเป็นอาหารเช้า)

[ออสเตรเลียใช้ biscuit เหมือนกับ UK ซึ่งหมายถึง cookies/crackers ในอเมริกา]

🔹 We had gastro after eating at Macca’s/Mackers but sadly couldn’t find the dunny there.
(=We had stomachache after eating at McDonald’s but sadly couldn’t find the toilet there.)
(พวกเรารู้สึกปวดท้องหลังจากทานแม็คโดนัลด์ แต่โชคไม่ดีที่หาห้องน้ำไม่เจอ)

🔹Stop chatting on facey! Do you reckon we should have a barbie with bevvies/lolly water the sarvo?
(=Stop chatting on facebook! Do you think we should have a BBQ with alcoholic beverages/soft drinks this afternoon?)
(หยุดเล่นเฟสบุ๊คเถอะ เธอคิดว่า พวกเราควรทำบาร์บีคิวทานพร้อมกับเครื่องดื่มในช่วงบ่ายนี้ดีไหม)

[ตอนนี้คำว่า lolly water ได้บัญญัติเป็นศัพท์ใหม่ในพจนานุกรมแล้วค่ะ]

🔹 Keep a brolly at home! Bring your cozzie/budgie smuggler, sunnies and thongs to the beach!
(=Keep an umbrella at home! Bring your swimsuit, sunglasses and flip flops to the beach!)
(เก็บร่มไว้ที่บ้านเถอะ แล้วไปเที่ยวทะเลกัน เอาชุดว่ายน้ำ แว่นกันแดด กับรองเท้าแตะไปด้วยนะ)

[โดยปกติแล้ว thongs จะหมายถึง กางเกงชั้นในที่เกือบๆจะเป็น g-string แต่ slang ฝั่งออสเตรเลีย จะหมายถึง flip flops (รองเท้าแตะ)]

🔹 My bubba earned heaps of money. He got me a dozen of lippies and an exy lappy as me birthdee prezzie.
(=My boyfriend earned a lot of money. He got me a dozen of lipsticks and an expensive laptop as my birthday present.)
(แฟนของฉันทำงานได้เงินเยอะ ก็เลยซื้อลิปสติก 1 โหล พร้อมกับแล็ปท็อปราคาแพงให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิด)

จะสังเกตว่า เค้าชอบย่อคำให้ฟังดูน่ารัก... Nah yeah, they love to shorten words!

Take it easy! (=Bye!) 👋

วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2561

มุมมองที่คล้ายกันระหว่างชาวพุทธ กับ นักลงทุน

Clip: https://www.facebook.com/longtunman/videos/335963963602885/

You can see some similar aspects between buddhist and investor in that clip. But bddha choose all values, but the investor choose just present life value.

จากคลิป คุณจะพบมุมมองที่คล้ายกันระหว่างชาวพุทธ กับ นักลงทุน. แต่ต่างกันที่ พระพุทธเจ้าเลือกที่จะเก็บประโยชน์ให้ได้ทุกมุมมอง, ส่วนนักลงทุน เลือกเฉพาะประโยชน์ในชาตินี้.

Eggplant aubergine zucchini courgette baked potato jacket potato

Poy 💕 Eggplant เป็น American English ค่ะ
Poy 💕 British English คือ aubergine
Poy 💕 เหมือน zucchini กับ courgette
Poy 💕 หรือ baked potato กับ jacket potato

iceberg lettuce (ผักก่่่าดแก้ว), Vietnamese coriander (ผักไผ่... you would probably call it ผักแพว in other areas), sweet basil (โหระพา) and peppermint (หอมด่วน or สะระแหน่).

วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ได้...ไป=present perfect

ขั้นตอนยังไม่เสร็จเรียบร้อยครับ, เพราะผมได้สัมภาษณ์แค่กับ HR ไป(ได้...ไป=present perfect), จึงยังเหลือสัมภาษณ์กับอีก 3-4 ระดับ. The application's processing still not finish yet, because I have finished only HR's interview. So, I still have 3-4 levels to interview left.

วันนี้เป็นไงบ้าง?/how was your day?

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

มื้ออาหาร US-UK by ครูปอย

มื้ออาหาร

ฝั่ง US และทั่วไป 🇺🇸
🌟 Breakfast - lunch - dinner/supper
🌟 Brunch - dinner/supper

“บางส่วน” ของ UK 🇬🇧/AU 🇦🇺/NZ 🇳🇿
🌟 Breakfast (- elevenses) - dinner (- afternoon tea) - tea/supper
🌟 Brunch/elevenses/dinner (- afternoon tea) - tea/supper

👉 ทาน breakfast แล้ว จะไม่มี brunch แต่มี elevenses ได้
👉 ขึ้นชื่อว่า tea แต่เลือกดื่มอย่างอื่น เช่น coffee/hot chocolate/champagne ก็ได้

————————————————

🎈🎈 Breakfast = อาหารเช้า/มื้อแรกของวัน
(Slang คือ brekkie)

🎈🎈 Lunch = อาหารเที่ยง
(เรียกแบบดูดีได้เป็น luncheon)

🎈🎈 Brunch = breakfast + lunch

🎈🎈 Elevenses = mid-morning tea (ความหมายคล้ายกับ second breakfast) หรือช่วงพักสั้นๆประมาณ 11 โมงเช้า สามารถทานของว่างได้
[ฝั่ง AU/NZ เรียกว่า smoko หรือ smoke-o ที่ถ้าแปลตรงตัวจะคือ ช่วงพักสั้นๆให้สูบบุหรี่/ทำธุระส่วนตัว]

🎈🎈 Afternoon tea = “low tea” หรือช่วงพักตอนบ่าย เพื่อให้ทานลองท้องก่อนอาหารเย็น ซึ่งมักเป็นสำหรับคนใน middle to upper/non-working classes โดยเมื่อก่อนเคยเป็นที่นิยม แต่ตอนนี้ทำกันเป็นโอกาสมากกว่า
(เมนูที่พบบ่อยคือ sandwiches/scones/cakes/petit fours หรือแม้แต่ salad)
[Scone อ่านว่า /skɒn/ สกอน (UK) หรือ /skoʊn/ สโกน (US)]

🎈🎈 Dinner = อาหารมื้อหลัก/มื้อใหญ่ที่สุดของวัน ขอแบ่งเป็น 3 กรณี
🔅 ฝั่ง US และทั่วไป = อาหารเย็น
🔅 ฝั่ง UK ใน middle to upper/non-working classes มัก = อาหารเย็นที่มีการตั้งโต๊ะและมีหลายจานตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือร้านอาหาร
🔅 ฝั่ง UK ใน working classes มัก = อาหารเที่ยงชุดใหญ่ เพราะต้องการพลังงานเยอะ เพื่อทำงานต่อในตอนบ่าย

🎈🎈 Tea = ... ขอแบ่งเป็น 2 กรณี
🔅 ฝั่ง US และทั่วไป = การดื่มน้ำชา
🔅 ฝั่ง UK ใน working classes มัก = “high tea” หรืออาหารเย็นหลังเลิกงาน ประมาณ 5-6 โมง และอาจตามด้วยการดื่มชา
(อีกชื่อคือ meat tea เพราะมักทานกับ cold cuts อย่าง cheese/sausages/sliced meats/meat loaves)

👉 ฝั่ง UK ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายบุคคลและสถานการณ์ ซึ่งบางทีใช้ทั้ง lunch/dinner และ dinner/tea ปะปนกัน
🎀 นัดทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารใน working classes = dinner
(Dinner on the table‼️)
🎀 นัดทานอาหารเย็นที่ café แบบไม่มีพิธีรีตองใน middle to upper/non-working classes = tea
(หรือเรียก dinner ก็ไม่ผิด)

🎈🎈 Supper = อาหาร/ของว่างง่ายๆมื้อดึก และเป็นมื้อสุดท้ายของวัน
(หรือ late-night snack/snack before bed ซึ่งจะทานหรือไม่ก็ได้นั่นเอง)

คลิปคำศัพท์ AU-US(-UK) 2018-05-31 by ครูปอย

Clip: https://www.youtube.com/watch?v=HLQ__prLzUk

คำศัพท์จากคลิปนี้นะคะ

🌟
It’ll be right. (AU) = It’ll be fine/ok.
แปลได้หลายความหมาย เช่น เดี๋ยว(ทุกอย่าง)จะดีขึ้น จะไม่เป็นไร จะไม่มีปัญหา

🌟 Snag (AU) = sausage ไส้กรอก

🌟 Barbie (AU) = BBQ บาร์บีคิว
ย่อมาจาก barbeque (UK/AU/NZ) หรือ barbecue (US)

🌟 Prawn (AU) = shrimp กุ้ง
ฝั่ง UK ก็ใช้ prawn เหมือนกัน

🌟 Sanger (AU) = sandwich
เพิ่มเติม slang ของประเทศอื่นๆ เช่น sarnie (UK) กับ sammie (NZ) และฝั่ง UK ยังมีการเรียกทับศัพท์อย่าง BLT (bacon, lettuce and tomato sandwich with cheese) หรือ BLAT (เพิ่ม avocado เข้าไป) ด้วย

🌟 Reckon/I reckon = I think ฉันคิดว่า...

🌟 Rello/Rellie (AU) = relative ญาติพี่น้อง

🌟 Too right (AU) = really, absolutely, definitely
ใช้แสดงความเห็นด้วย

“ภาพยนตร์” กับ “โรงภาพยนตร์” UK-US by ครูปอย

“ภาพยนตร์” กับ “โรงภาพยนตร์”

🎈 ฝั่งอังกฤษ

ภาพยนตร์ ใช้คำว่า film, picture หรือ flick

โรงภาพยนตร์ ใช้คำว่า cinema, pictures หรือ flicks
[สังเกตว่า โรงภาพยนตร์ จะเติม -s เข้าไปข้างท้ายด้วย]

- We’re going to the cinema to see a film.
- I went to the pictures last Friday. (ฉันไปโรงภาพยนตร์เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ก็หมายถึง ฉันไปดูภาพยนตร์มาแล้ว นั่นเอง)
- What’s on at the flicks? (ตอนนี้มีเรื่องไหนฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์บ้าง)


——————————————————

🎈 ฝั่งอเมริกา

ภาพยนตร์ ใช้คำว่า movie

โรงภาพยนตร์ ใช้คำว่า movies [เติม -s ข้างท้ายเช่นกัน], movie theater หรือ movie house

- Shall we go to the movies tonight? (คืนนี้พวกเราไปโรงภาพยนตร์กันไหม ก็หมายถึง ไปดูภาพยนตร์กันไหม นั่นเอง)
- We’re watching a movie. (ตอนนี้พวกเรากำลังดูภาพยนตร์)


——————————————————

เพิ่มเติม คำว่า “theater” เฉยๆ
(หรือ theatre ในกรณีที่สะกดแบบอังกฤษ)

คำนี้จะหมายถึง โรงละคร ที่ดูการแสดงสดต่างๆ (ไม่ใช่โรงภาพยนตร์เนอะ) 🙂

ศัพท์ซักล้าง US-UK by ครูปอย

🔸 ล้างจาน
to do the dishes (US) = to do the washing-up (UK)

🔸 ซักผ้า
to do (the) laundry (US) = to do the washing/to do a wash (UK)

🔸 ตากผ้า/ตากผ้าข้างใน
to hang the laundry up (US) = to hang the washing up (UK)

🔸 ตากผ้าข้างนอก
to hang the laundry out (US) = to hang the washing out (UK)

🔸 เก็บผ้า
to bring/get the laundry in (US) =  to bring/get the washing in(UK)

จะสังเกตว่า ผ้าที่ซักแล้ว(หรือกำลังจะซักก็ตาม) จะใช้คำว่า laundry (US) หรือ washing (UK) ค่ะ


เพิ่มเติม
🔸 น้ำยาล้างจาน
dish soap/dish detergent/dishwashing liquid (US) = washing-up liquid (UK)

🔸 น้ำยาซักผ้า
laundry detergent (US) = washing liquid (UK)

อ้อ! เก็บผ้ายังใช้ to take down the washing หรือ to take the washing down ได้ด้วย :)

อาหาร 2018-05-31 by ครูปอย

 mum (UK) = mom (US)

🔹 รูปที่ 1 > แยมที่มีเนื้อผลไม้ผสม จำพวก strawberry, rasberry, blueberry, ...
Jam (US) = Jam (UK)

🔹 รูปที่ 2 > แยมใสไม่มีเนื้อผลไม้ผสม จำพวก strawberry, rasberry, blueberry, ...
Jelly (US) = Jam (UK)

🔹 รูปที่ 3 > แยมที่ทำจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว จำพวก orange, lemon, grapefruit, ... ทั้งแบบมีเนื้อและไม่มีเนื้อผลไม้ผสม
Marmalade มา-เมอะ-เลด/มาร์-เมอะ-เลด

🔹 รูปที่ 4 > เยลลี่ที่ทำจาก gelatine/gelatin
Jello (US) = Jelly (UK)

เพิ่มเติม
รูปที่ 5 > จริงๆแล้ว Jello เป็นชื่อยี่ห้อเยลลี่ในอเมริกา แต่มักใช้เรียกทับศัพท์ เพื่อที่จะได้ไม่ซ้ำกับ Jelly ที่หมายถึง แยมใสแบบไม่มีเนื้อผลไม้ผสม


ศัพท์ออสเตรเลีย 2018-05-31 by ครูปอย

Clip https://web.facebook.com/welcometotravels/videos/415191425613373/

🌟 Bloody = มากๆ หรือเป็นคำอุทานเพื่อเพิ่มความหมาย (ฝั่ง US ใช้ freaking หรือ f*cking)
🌟 Cliche (cliché) = stereotype หรือสิ่งที่ทำต่อๆกันมาจนกลายเป็นลักษณะเฉพาะ
🌟 Squat toilet = ส้วมซึม (บางคนเรียกเป็น Asian toilet หรือ Eastern style toilet)
🌟 Cash machine = ตู้กดเงิน (ฝั่ง US เรียกว่า ATM นั่นเอง)
🌟 Arse = ก้น (หลายๆคนน่าจะคุ้นกับ ass ที่เป็นการสะกดของฝั่ง US เนอะ)

ส่วน “piss out one’s arse” (ในคลิปนี้คือ I’m pissing out my arse) หมายถึง diarrhoea (ฝั่ง US สะกดเป็น diarrhea) หรือท้องเสีย (เพราะคุณ Adam เจ้าของคลิปทานเผ็ดไปก่อนหน้านี้ และจะท้องเสียแน่ๆ 😂)

ผมกำลังจะไปรับการสัมภาษณ์งานใหม่-I am going to get an interview for a new job, waiter.

ผมกำลังจะไปรับการสัมภาษณ์งานใหม่-I am going to get an interview for a new job, waiter. 

ฉันจะยิ้มให้ทุกคนที่พบตั้งแต่เดินทางเลย, หวังว่าคุณจะยิ้มให้เพื่อนร่วมงานของคุณเช่นกันนะ. โชคดี. I will smile for every people I will meet. I hope you smile to your coworkers, too. Have a nice day!

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีสอน interesting/interested

คำนี้จำไว้ว่า ดั้งเดิมในภาษาละติน[interess;t-ending is french] มันเป็นคำนาม ตั้งโดดๆ มันก็แปลว่า สิ่งที่แตกต่าง สิ่งที่น่าสนใจ ทำให้คนอื่นสนใจ อยู่แล้ว คือ ไม่ใช่ความสนใจของใคร แต่เป็นสิ่งที่น่าสนใจในตัวของในตัวของมันเอง. พอเป็น verb มันจึงเป็นแค่คำขยาย subject ว่า subject เป็นสิ่งที่แตกต่างทำให้ object เกิดความสนใจ. ฉะนั้น ถ้าอยากได้ประธานเป็นใครซักคนที่เป็น object อยู่นั้นแทน ก็แปลงมันเป็น passive voice คือ is interested (I am interested by this book), หรือแปลงมันเป็น continuous passive voice (I am being interest by this book) เสีย. แต่เพราะประโยคมันยาวมาก จำยาก เวิ่นเว้อ เขาก็เลยลดรูป ของ continuous passive voice เหลือแค่ I am interesting in this book พอลดรูปแล้วเปลี่ยน preposition อย่างนี้ตัว interesting เลยกลายเป็น adjective ไป. ทีนี้พอ continuous passive voice กลายร่างแล้ว ตัว passive voice ก็เลยกลายร่างได้ด้วย คือเปลี่ยน by เป็น in แค่นี้ interested ก็กลายเป็น adjective ไป. แต่ความหมายของทั้ง 2 ประโยคจริงๆ ยังเท่ากับ  passive voice/continuous passive voice เหมือนเดิมนะ ก็คือ ให้ความสนใจ=มีปกติเป็นสภาพที่ทำให้สนใจได้อยู่แล้ว;น่าสนใจ=กำลังทำให้สนใจอยู่.

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

Course outline ออกเสียงภาษาอังกฤษสำหรับงานโรงแรม

  1. บทสนทนาตัวอย่าง
    1. Daily Conversation
    2. Bellboy
    3. Reception
    4. Restarant
  2. เสียงทั้งหมด
  3. เรียนออกเสียงจากพจนานุกรม
    1. web
    2. app
  4. การเชื่อมเสียงในประโยค
  5. แกรมม่า
  6. การออกเสียงแบบต่างๆ

วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561

ภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช

รูแบบ,บริติช, เมกัน

-er, เออะ, เออะร์
r, ออกเฉพาะที่มาสระตาม, ออกทุกตัว.
t, ที่ไม่สำคัญบางทีไม่ออกเสียง(อะลิเทิลบิเลเทอะ-เวอะอีสิ),ออกนิดนึงก็ยังดี
o,โอ (โวเทอะ),เออะ
-ur,ɜː,ɝː

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

อาวโวะ, สคัวร์เริ่ล, เล็ปเปิร์ด, ลายเอิ้น

Owl อาวโวะ เพราะตอนยกลิ้นออกเสียง L มันจะทำให้ปากหุบลงเป็นเสียงโอ เมื่อไปผสมกับตัว W ที่อยู่ช้างหน้าจึงได้เสียง โวะ.
Squirrel  สคัวร์เริ่ล ที่ออกไม่เหมือน quick เพราะ เสียง s และ r ทำให้ออกเสียง i ยาก เลยข้ามมันเสียเลย
Leopard เละเปิร์ด เพราะมี r เลยต้องไป stress ที่ syllable หลัง, ทำให้ syllable หน้าลดเสียงลงจน o หายและ e เหลือแค่ เอะ.
Lion ลายเอิ้น เพราะ L ต้องยกลิ้นที่เพดานปากซึ่งเป็นจุดเดียวกับ i เลยทำให้ออกเสียง i ยาวเป็น อาย, และเพราะลิ้นจาก i ไป o ฐานมันใกล้กัน on ก็เลยเหลือแค่ เอิ่น ไม่ถึงกับ อ่อน.

https://www.youtube.com/watch?v=QourhZWovns

รีซีทึ, เด็ทึ, เดาทึ

ใบเสร็จ=รีซีทึ ไม่ใช่ รีซีพะทึ
หนี้=เด็ทึ ไม่ใช่ เด็บะทึ, สงสัย=เดาทึ ไม่ใช่ เดาบะทึ.

วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Justin Timberlake – Mirrors

Aren’t you somethin’ to admire
Cause your shine is somethin’ like a mirror
And I can’t help but notice
You reflect in this heart of mine
If you ever feel alone and
The glare makes me hard to find
Just know that I’m always
Parallel on the other side

เธอจะไม่ให้ฉันหลงไหลในตัวตนของเธอได้อย่างไร?
ก็ในเมื่อตัวตนของเธอนั่นสะท้อนออกมาให้ฉันเห็นราวกับกระจก
เป็นเงาตามตัว ที่มีอยู่ แต่ไม่สามารถสัมผัสได้อีก
เพราะตัวเธอจริงๆ ได้ตายจากฉันไปแล้ว.
ถึงตอนนี้ฉันจะไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้,
แต่สิ่งที่ฉันสังเกตและบอกเธอได้ คือ
เธอนั้นสะท้อนอยู่ในใจของฉันเสมอ.
ดังนั้น หากเธออ้างว้างเดียวดายขึ้นมา,
แต่กระจก (ความตาย) ก็ยังคงกางกั้นสองเราไว้อย่างนี้,
สิ่งที่เธอต้องทำเพื่อกำจัดความอ้างว้างเดียวดายนั้น
ก็แค่ระลึกไว้ให้มั่นว่า
ฉันยังอยู่ในโลกคู่ขนานเคียงข้างเธอเสมอ
ดุจดังเงาในกระจกที่ตามสะท้อนเธอไม่ห่างไงหล่ะ.

(คือ คนรักตายจาก, คนที่ยังอยู่ก็เลยเคว้ง ปรึกษากับคนในความทรงจำ ที่เหมือนกับกระจกส่วนตัวว่า ถ้าคนในความทรงจำรู้สึกไม่เหลือใคร คุณจะทำยังไง, ซึ่งคำตอบก็คือตัวคนที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นแหละ ที่ก็จะต้องยืนเคียงคู่เป้นกำลังใจให้กับคนที่จากไปแล้วในกระจก. แต่ในเมื่ออีกคนไม่อยู่แล้วในชีวิตจริง ก็เลยต้องใช้วิธีคิดถึงเอาผ่านกระจกคือความทรงจำ.)

Cause with your hand in my hand and a pocket full of soul
I can tell you there’s no place we couldn’t go
Just put your hand on the past
I’m here tryin’ to pull you through
You just gotta be strong

เพราะเรากุมมือกันไว้แล้วยังพกกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยความหลังอีก,
ฉันจึงมั่นใจที่จะบอกเธอว่า ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว ที่เราจะฝ่าฟันไปไม่ได้.
แค่วางมือของเธอไว้บนกระเป๋าที่บรรจุความหลังของพวกเราเอาไว้,
เพราะฉันอยู่กับกระเป๋าใบนั้น รอที่จะพาเธอผ่านความอ้างว้างอันเลวร้ายนี้ไปด้วยกัน,
ขอแค่เธอเข้มแข็งเอาไว้ อย่ายอมแพ้มันเท่านั้นเอง.

(กระเป๋า ก็เป็นอีกอุปมาของคนในความทรงจำ แบบเดียวกับกระจกนั่นเอง)

Cause I don’t wanna lose you now
I’m lookin’ right at the other half of me
The vacancy that sat in my heart
Is a space that now you hold
Show me how to fight for now
And I’ll tell you, baby, it was easy
Comin’ back into you once I figured it out
You were right here all along
It’s like you’re my mirror
My mirror staring back at me
I couldn’t get any bigger
With anyone else beside me
And now it’s clear as this promise
That we’re making
Two reflections into one
Cause it’s like you’re my mirror
My mirror staring back at me, staring back at me

เพราะตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะพรากจากเธอไปเลย,
ฉันถึงได้เฝ้าแต่จะคิดถึงเธอซึ่งเป็นอีกครึ่งชีวิตของฉันดุจเงาในกระจก ฉันจ้องมันวนไปอยู่อย่างนี้.
ที่ว่างที่เคยมีในหัวใจของฉัน...
ตอนนี้มันก็เป็นพื้นที่ที่เธอจับจองไว้หมดทุกตารางนิ้วไปแล้ว.
บอกวิธีต่อสู้กับความโดดเดี่ยวที่ฉันเผชิญอยู่เดี๋ยวนี้ทีสิ, ได้โปรดเถอะ.
ก็ได้ฉันจะตอบแทนเธอเองนะที่รัก, แต่ก่อนมันเคยเป็นเรื่องที่ทำง่ายมากเลย,
วิธีนั้นก็คือ แค่เธอกลับมายังพื้นที่ข้างๆฉันอีกสักครั้งก็ยังดี,
พื้นที่ๆ ฉันเคยคิดมาตลอดว่า เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไปตลอด
(แต่ตอนนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่เคยคิดไว้อีกแล้ว เพราะเธอจะไม่กลับมา).

มันเป็นเหมือนกับว่า ถ้าเปรียบเธอกับกระจก,
เธอก็คงเป็นกระจกของฉันคนเดียวที่กำลังจ้องมอง(สะท้อน)ฉันอยู่เสมอทุกที่ทุกเวลา.
และฉันก็ไม่สามารถหากระจกบานใหญ่กว่านี้
ที่มาพร้อมกับคู่ครองคนใหม่ข้างๆ ได้อีกแล้ว.

อุปมานี้มันชัดเจนพอๆกับ สัญญาของเรา
ว่าเราจะเคียงคู่เป็นหนึ่งเดียวกันกันไปตลอดชีวิต
เหมือนเป็นเงาสะท้อนในกระจกของกันและกัน ที่ไม่มีวันแยกออกจากกันไปได้.

นั่นก็เพราะมันเป็นเหมือนกับว่า ถ้าเปรียบเธอกับกระจก,
เธอก็คงเป็นกระจกของฉันคนเดียวที่กำลังจ้องมอง(สะท้อน)ฉันอยู่เสมอทุกที่ทุกเวลา.

Aren’t you somethin’, an original
Cause it doesn’t seem really as simple
And I can’t help but stare, cause
I see truth somewhere in your eyes
I can’t ever change without you
You reflect me, I love that about you
And if I could, I
Would look at us all the time

เธอจะไม่ใช่คนที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นได้ยังไง?
ก็ตัวตนแบบเธอมันไม่ใช่ของธรรมดาที่หาได้ทั่วไปหน่ะสิ.
และตอนนี้ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว นอกจากได้แต่มองกระจกตาปริบๆ อยู่อย่างนี้,
แต่ฉันก็ยังคงมองอยู่อย่างนั้น เพราะฉันยังคงเห็นความรักบริสุทธิ์ในดวงตาของเธออยู่เสมอ.

ไม่มีทางที่ฉันจะเคลื่อนไหวได้โดยไม่มีเธอหรอก,
เพราะเธอสะท้อนฉันอยู่, และฉันก็รักภาพสะท้อนของเธอนั้นซะด้วย.
และถ้าเป็นไปได้ ฉันจะจ้องเราทั้งคู่ในกระจกแห่งความทรงจำมันอยู่อย่างนี้แหละตลอดไม่อยากทำอย่างอื่นอีกแล้ว.


Cause with your hand in my hand and a pocket full of soul
I can tell you there’s no place we couldn’t go
Just put your hand on the past
I’m here tryin’ to pull you through
You just gotta be strong

เพราะเรากุมมือกันไว้แล้วยังพกกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยความหลังอีก,
ฉันจึงมั่นใจที่จะบอกเธอว่า ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว ที่เราจะฝ่าฟันไปไม่ได้.
แค่วางมือของเธอไว้บนกระเป๋าที่บรรจุความหลังของพวกเราเอาไว้,
เพราะฉันอยู่กับกระเป๋าใบนั้น รอที่จะพาเธอผ่านความอ้างว้างอันเลวร้ายนี้ไปด้วยกัน,
ขอแค่เธอเข้มแข็งเอาไว้ อย่ายอมแพ้มันเท่านั้นเอง.

(กระเป๋า ก็เป็นอีกอุปมาของคนในความทรงจำ แบบเดียวกับกระจกนั่นเอง)

Cause I don’t wanna lose you now
I’m lookin’ right at the other half of me
The vacancy that sat in my heart
Is a space that now you hold
Show me how to fight for now
And I’ll tell you, baby, it was easy
Comin’ back into you once I figured it out
You were right here all along
It’s like you’re my mirror
My mirror staring back at me
I couldn’t get any bigger
With anyone else beside me
And now it’s clear as this promise
That we’re making
Two reflections into one
Cause it’s like you’re my mirror
My mirror staring back at me, staring back at me



เพราะตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะพรากจากเธอไปเลย,
ฉันถึงได้เฝ้าแต่จะคิดถึงเธอซึ่งเป็นอีกครึ่งชีวิตของฉันดุจเงาในกระจก ฉันจ้องมันวนไปอยู่อย่างนี้.
ที่ว่างที่เคยมีในหัวใจของฉัน...
ตอนนี้มันก็เป็นพื้นที่ที่เธอจับจองไว้หมดทุกตารางนิ้วไปแล้ว.
บอกวิธีต่อสู้กับความโดดเดี่ยวที่ฉันเผชิญอยู่เดี๋ยวนี้ทีสิ, ได้โปรดเถอะ.
ก็ได้ฉันจะตอบแทนเธอเองนะที่รัก, แต่ก่อนมันเคยเป็นเรื่องที่ทำง่ายมากเลย,
วิธีนั้นก็คือ แค่เธอกลับมายังพื้นที่ข้างๆฉันอีกสักครั้งก็ยังดี,
พื้นที่ๆ ฉันเคยคิดมาตลอดว่า เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไปตลอด
(แต่ตอนนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่เคยคิดไว้อีกแล้ว เพราะเธอจะไม่กลับมา).

มันเป็นเหมือนกับว่า ถ้าเปรียบเธอกับกระจก,
เธอก็คงเป็นกระจกของฉันคนเดียวที่กำลังจ้องมอง(สะท้อน)ฉันอยู่เสมอทุกที่ทุกเวลา.
และฉันก็ไม่สามารถหากระจกบานใหญ่กว่านี้
ที่มาพร้อมกับคู่ครองคนใหม่ข้างๆ ได้อีกแล้ว.

อุปมานี้มันชัดเจนพอๆกับ สัญญาของเรา
ว่าเราจะเคียงคู่เป็นหนึ่งเดียวกันกันไปตลอดชีวิต
เหมือนเป็นเงาสะท้อนในกระจกของกันและกัน ที่ไม่มีวันแยกออกจากกันไปได้.

นั่นก็เพราะมันเป็นเหมือนกับว่า ถ้าเปรียบเธอกับกระจก,
เธอก็คงเป็นกระจกของฉันคนเดียวที่กำลังจ้องมอง(สะท้อน)ฉันอยู่เสมอทุกที่ทุกเวลา.

Yesterday is history
Tomorrow’s a mystery
I can see you lookin’ back at me
Keep your eyes on me
Baby, keep your eyes on me


อดีตมันก็แค่เรื่องเล่า
อนาคตก็ไปคาดเดาอะไรไม่ได้.
แต่ที่ฉันสัมผัสได้ตอนนี้เดี๋ยวนี้ คือ เธอยังคงจ้อง(สะท้อน)ฉันอยู่เสมอ.
ได้โปรด, อย่าหันเหสายตาเธอไปจากฉันนะ.
ที่รัก! โปรดเป็นกระจกสะท้อนฉันต่อไปนะ.

Cause I don’t wanna lose you now
I’m lookin’ right at the other half of me
The vacancy that sat in my heart
Is a space that now you hold
Show me how to fight for now
And I’ll tell you, baby, it was easy
Comin’ back into you once I figured it out
You were right here all along
It’s like you’re my mirror
My mirror staring back at me
I couldn’t get any bigger
With anyone else beside me
And now it’s clear as this promise
That we’re making
Two reflections into one
Cause it’s like you’re my mirror
My mirror staring back at me, staring back at me

เพราะตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะพรากจากเธอไปเลย,
ฉันถึงได้เฝ้าแต่จะคิดถึงเธอซึ่งเป็นอีกครึ่งชีวิตของฉันดุจเงาในกระจก ฉันจ้องมันวนไปอยู่อย่างนี้.
ที่ว่างที่เคยมีในหัวใจของฉัน...
ตอนนี้มันก็เป็นพื้นที่ที่เธอจับจองไว้หมดทุกตารางนิ้วไปแล้ว.
บอกวิธีต่อสู้กับความโดดเดี่ยวที่ฉันเผชิญอยู่เดี๋ยวนี้ทีสิ, ได้โปรดเถอะ.
ก็ได้ฉันจะตอบแทนเธอเองนะที่รัก, แต่ก่อนมันเคยเป็นเรื่องที่ทำง่ายมากเลย,
วิธีนั้นก็คือ แค่เธอกลับมายังพื้นที่ข้างๆฉันอีกสักครั้งก็ยังดี,
พื้นที่ๆ ฉันเคยคิดมาตลอดว่า เธอจะอยู่เคียงข้างฉันไปตลอด
(แต่ตอนนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่เคยคิดไว้อีกแล้ว เพราะเธอจะไม่กลับมา).

มันเป็นเหมือนกับว่า ถ้าเปรียบเธอกับกระจก,
เธอก็คงเป็นกระจกของฉันคนเดียวที่กำลังจ้องมอง(สะท้อน)ฉันอยู่เสมอทุกที่ทุกเวลา.
และฉันก็ไม่สามารถหากระจกบานใหญ่กว่านี้
ที่มาพร้อมกับคู่ครองคนใหม่ข้างๆ ได้อีกแล้ว.

อุปมานี้มันชัดเจนพอๆกับ สัญญาของเรา
ว่าเราจะเคียงคู่เป็นหนึ่งเดียวกันกันไปตลอดชีวิต
เหมือนเป็นเงาสะท้อนในกระจกของกันและกัน ที่ไม่มีวันแยกออกจากกันไปได้.

นั่นก็เพราะมันเป็นเหมือนกับว่า ถ้าเปรียบเธอกับกระจก,
เธอก็คงเป็นกระจกของฉันคนเดียวที่กำลังจ้องมอง(สะท้อน)ฉันอยู่เสมอทุกที่ทุกเวลา.

(พาร์ทคนเป็น:)

You are, you are the love of my life

เธอและฉันเป็นความรักในชีวิตของกันและกัน เราสะท้อนความรักของกันและกันสู่กันไปมาไม่มีวันจบสิ้น.

Baby, you’re the inspiration of this precious song
And I just wanna see your face light up since you put me on
So now I say goodbye to the old me, it’s already gone
And I can’t wait wait wait wait wait to get you home
Just to let you know, you are

ที่รัก, คุณเป็นแรงบรรดาลใจให้กับเพลงที่แสนเลอค่านี้,
และฉันเขียนมันขึ้นก็เพียงอยากเห็นรอยยิ้มเปล่งประกายบนใบหน้าของเธอ
เหมือนกับที่เธอเคยทำให้ฉันยิ้มได้นั่นไง.
แต่นี้ไป ฉันจะบอกลาตัวเอง, เพราะฉันคนเก่าที่เศร้าศร้อยอยู่กับ
การจากลาลับไปของเธอนั้น ไม่มีอยู่อีกแล้ว.
เพราะฉันไม่สามาถเฝ้ารอแล้วรอเล่า
รอแบบไม่มีทางที่ฉันจะพาเธอกลับมายังรังรักของเราได้อีก.
ฉันก็แค่แจ้งให้เธอทราบว่า...


You are, you are the love of my life

เธอและฉันเป็นความรักในชีวิตของกันและกัน เราสะท้อนความรักของกันและกันสู่กันไปมาไม่มีวันจบสิ้น.

(พาร์ทคนในกระจก:)

Girl you’re my reflection, all I see is you
My reflection, in everything I do
You’re my reflection and all I see is you
My reflection, in everything I do

แม่สาวน้อย~ (ฉันขอสัญญาว่า...)
เธอจะเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสะท้อนกลับ, ฉันจะเห็นแค่เธอเท่านั้นอยู่ในกระจกแห่งความทรงจำบานนี้.
ภาพสะท้อนของฉันมีแค่เธอเท่านั้น.
เธอจะเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสะท้อนกลับ, ฉันจะเห็นแค่เธอเท่านั้นอยู่ในกระจกแห่งความทรงจำบานนี้.
ภาพสะท้อนของฉันมีแค่เธอเท่านั้น.

You are, you are the love of my life

เธอและฉันเป็นความรักในชีวิตของกันและกัน เราสะท้อนความรักของกันและกันสู่กันไปมาไม่มีวันจบสิ้น.

(ส่วนนี้ ทั้งวิธีร้อง และ MV จะเป็นเอคโค่และภาะสะท้อนของกระจกที่สะท้อนและซ้อนทับกันไม่จบสิ้น, แทนความไม่สิ้นสุดของความรักที่คนเป็นมีให้กับคนตายในความทรงจำ)

วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2561

Rather, Pretty, Quite ค่อนข้างจะ

เช่น 
She is rather short = เธอค่อยข้างเตี้ย.
She is pretty small = เธอค่อนข้างตัวเล็ก.
She is quite beautiful = เธอค่อนข้างจะสวย.

วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561

Where're you from? ไม่ใช่ Where're you come form?

Where're you from?

คุณเป็นคนจากที่ไหน? (บ้านเกิด)

you=คุณ, are=เป็นคน,from where=จากที่ไหน?

 Where're you come form?

ไม่มีใช้ เพราะ come from กลายเป็น predicate ของ you ทำให้ from ขาด noun ที่ตามมา (ปกติ เป็น where). มันจะกลายเป็น "คนที่มาจาก missing noun ตอนนี้อยู่ที่ไหน?"

Where do you come from?

ไม่นิยมใช้ เพราะไมค่อยถูก tense คือ ใช้ present tense กับการกระทำที่ทำไปแล้ว คือ คนถูกถามทำการเดินทางมาจากบ้านเรียนร้อยแล้ว, ฉะนั้น ควรจะใช้ did มากกว่า เป็น where did you come from?

cr. https://ell.stackexchange.com/questions/29957/difference-between-where-are-you-from-and-where-do-you-come-from

Look, Appear VS Seem

Look, Appear ใช้กรณีผู้สังเกตเห็นความรู้สึกของ object จากภายนอก (คือ object แสดงออกชัดเจนว่า กำลังรู้สึกอย่างไร).
Celine looks sad
 คือ เซลีนหน้าแดงก่ำ ร้องไห้ ตาบวม ไม่ทำการทำงาน, คนสังเกตเลยเลยรู้ว่า เซลีนกำลังเศร้า.

Seem ใช้กรณี subject สังเกตความรู้สึกของ object ด้วยความ คือ object ไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่ากำลังรู้สึกอย่างไร, แต่ผู้สังเกตรับรู้ได้เอง.
Celine seems sad 
คือ เซลีนแต่งหน้าปกปิดตาที่ร้องไห้มา, ไม่บอกใครเรื่องที่สามีเสีย, แต่ก็มีคนแอบไปรู้ข่าว หรือ สังเกตุเห็นความผิดปกติของตา, คนสังเกตเลยคะเนได้ว่า เซลีนกำลังเศร้า.