It's hard to understand the situation *of people from different nations* *living* together in the same country. The differen*t* lifestyles *are* the cause of ra*c*ism. As I know the asia*n* students often *behave weirdly* in classrooms, i.e. *not questioning their teachers*, and so on.
แก้จาก:
It's hard to understand the situation of the difference nation people live together in the same country. The difference life style is the cause of rasism. As I know the asia students often do the wired behave in classroom, i.e. no making question back to teacher, etc.
15:52 Poy 💬 If I may correct this:
- people from different nations
- different lifestyles/ lifestyle differences
- racism
- Asian students
- (act or) behave weird(ly)/ weird behaviour (or AmE: behavior)
😅🙏
17:29 Poy 💬 ใช้ are living ไม่ได้ เพราะในประโยคมีกริยาหลัก is อยู่แล้ว
ใช้ได้แค่
- ... nations living together...
- ... nations who live together ...
17:33 Poy 💬 ถ้าไม่มี wh word ที่ทำให้เป็น compound/complex sentence กริยาที่ตามจะเป็นได้แค่ 2 รูป คือ
- กริยา ing
- กริยาช่องที่ 3
ขึ้นกับว่าสื่อในเชิงไหน เป็น active หรือ passive voice
17:32 Poy 💬 ตัวอย่างที่เคยยกไปก่อนหน้านี้
- Bangkokians suffer from traffic congestion *which results* from many factors.
- Bangkokians suffer from traffic congestion *resulting* from many factors.
17:24 Poy 💬 หรือไม่งั้นต้องทำเป็น It's hard to understand the situation of people from different nations *who live* together in the same country. ค่ะ
มันเป็นเรื่อง present/past participle ลองอ่านเพิ่มเติมดูนะคะ
จากตัวอย่างนี้ รถติดเกิดจากหลายๆสาเหตุ สื่อว่าเป็น active voice เลยต้องใช้ กริยา ing ค่ะ
แต่ถ้า ถูกทำให้เกิดจาก... สื่อในเชิง passive voice
- Bangkokians suffer from traffic congestion *which is caused* by many factors.
- Bangkokians suffer from traffic congestion *caused* by many factors.
17:39 Bonn ถ้าอนุประโยคพวกนี้ตัดทิ้งไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่คอมม่าแบบตัวอย่างข้างบน แต่ถ้าตัดทิ้งได้ ก็ใส่คอมม่า?
17:40 Poy 💬 อันนี้เป็นคนละเรื่องกับ Oxford comma ค่ะ
ถ้าจะใส่ comma หน้าประโยคย่อย ต้องดูว่าเป็น defining หรือ non-defining sentence (บางคนเรียกเป็น essential กับ non-essential)
17:44 Poy 💬 เช่น
- My father, who is tall and handsome, works as a pilot. เป็น non-defining เพราะ ตัดประโยคย่อยภายใน comma ทิ้งไปได้ และยังคงความหมายเดิมอยู่ แบบนี้เลยต้องใส่ comma
- The girl who is wearing a red skirt is my sister. เป็น defining เพราะถ้าไม่ระบุเพิ่มเติม จะไม่รู้เลยว่าเป็นผู้หญิงคนไหน แบบนี้เลยไม่ต้องใส่ comma ค่ะ
17:46 Poy 💬 สรุปว่า ถ้าสามารถตัดประโยคหลัง wh word ออกไปได้ โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยนแปลง (อย่างเรามีพ่อคนเดียว) แบบนี้ต้องใส่ comma หน้า-หลัง เพื่อแสดงว่าเป็นประโยคย่อยหรือใช้เพื่อขยายความเพิ่มเติมค่ะ
17:46 Bonn "The girl who is wearing a red skirt is my sister." = "The girl wearing a red skirt is my sister. "
17:57 Poy 💬 มีข้อสังเกต 2 ข้อ
- คำว่า that เป็น defining เท่านั้น (หมายความว่า จะไม่เคยมี comma หน้า-หลังประโยคย่อย)
- ตัด wh word ใน non-defining ไม่ได้
17:58 Poy 💬 unsent a message.
17:58 Poy 💬 - He is singing the song *which* I really like.
- He is singing the song *that* I really like.
- He is singing the song I really like.
- I bought a new laptop, which I take with me everywhere.
18:31 Poy 💬 - In classroom ในกรณีนี้ไม่ต้องใส่ article ได้ค่ะ เพราะหมายถึงทั่วๆไป (และจำนวนมากกว่า 1) เหมือนกับ Kids walk to school.
- ข้างหลังไม่น่าจะผิดเรื่องกรรมตรง-กรรมรอง แต่ฟังดู awkward อาจใช้ง่ายๆเป็น not questioning their teachers
18:39 Bonn อ้อ... เปิดหนังสือ เจอกฎว่า "นามพหูพจน์ที่ไม่มีบุพพบทวลี หรือ อนุประโยคมาขยายให้เป็นเจาะจง ไม่ต้องใส่ article"
18:39 Bonn อ้อ... เปิดหนังสือ เจอกฎว่า "นามพหูพจน์ที่ไม่มีบุพพบทวลี หรือ อนุประโยคมาขยายให้เป็นเจาะจง ไม่ต้องใส่ article"
18:40 Bonn อ่านกี่รอบก็ไม่เคยจำ แต่ครั้งนี้จะจำไม่ลืม 555
18:45 Message unsent.
18:46 Poy 💬 ส่วนตัวก็ยังใช้ผิดบ่อยๆเหมือนกัน แต่อาจารย์บอกว่า article เป็นเรื่องยาก ทำให้ยากที่จะใช้ถูกหมด 100% 😅
18:47 Bonn , i.e. *not questioning their teachers*, etc. จริงๆ อันนี้พยายามเลี่ยง เวลายกตัวอย่างพยายามทำให้เป็นนามมาตลอด เพราะไม่รู้ว่า ถ้าใช้เป็น verb (not questioning) มันจะถูกไหม.
18:49 Poy 💬 เอาจริงๆนะ
ในหลักการเขียนที่ดี จะไม่ใช้ etc. เพราะยังมีคำอื่นๆที่ใช้แทนได้ เช่น
- ..., and so on.
- ..., and others.
- ..., and the list goes on.
18:50 Poy 💬 unsent a message.
18:50 Poy 💬 unsent a message.
18:51 Poy 💬 คือ กริยา ing เท่าเทียบกับคำนาม (แปลว่า การ..., ความ...)
เหมือน
- I like swimming.
- Writing is my least favourite skill.
18:52 Bonn อ้าว แล้วทำไมเป็น not?
18:53 Poy 💬 Not having 3 meals a day is unhealthy.
18:54 Bonn กรี๊ดดด กิน 2 มื้อ เกือบทุกวัน
18:55 Poy 💬 Not having kids is his dream.
สรุป จะใส่ not หรือไม่ใส่ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ
18:55 Bonn ช่วงนี้นั่งๆ นอนๆ กินหลายมื้อ กลัวคอเรสเตอรอล
18:56 Bonn หมายถึงว่า ทำไมไม่เป็น no ?
18:58 Bonn https://dictionary.cambridge.org/grammar/british-grammar/no-or-not
18:58 Bonn ได้คำตอบแล้ว แต้งกิ้วๆ
19:00 Poy 💬 เพราะ no มักจะตามด้วยคำนาม เช่น I have no money.
แต่ having คือกริยา ing ที่ทำหน้าที่เสมือนคำนาม และ not ใช้ปฏิเสธคำกริยา
I don’t have money.
แต่ไม่เคยมี I do no have money.
วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
ฝึกเขียน essay (ตรวจโดย ครูปอย)
ป้ายกำกับ:
GuruPoy (ครูปอย),
Kru Poy Comment (แก้โดยครูปอย)
วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
(รวมลิงก์คลิป youtube ข้างล่าง) การฟัง ผมคิดว่า ควรฝึกจาก phonetic, word linking, intonation, แล้วก็ ท่อง vocabulary
(รวมลิงก์คลิป youtube ข้างล่าง) การฟัง ผมคิดว่า ควรฝึกจาก phonetic, word linking, intonation, แล้วก็ ท่อง vocabulary ที่เกี่ยวข้อง กับท่อง ประโยคที่ใช้บ่อยๆในสถานการณ์นั้นๆ ให้ถูก phonetic&word linking&intonation ครับ.
ส่วน inspiration นั้น ควรหาจากสิ่งที่เราทำบ่อยที่สุด เช่น หาข้อมูลของงานที่ทำบ่อยๆ ในภาษาอังกฤษ (งานก็ก้าวหน้า ภาษาก็ได้ด้วย), แปลเพลงที่ชอบ, ฝึก phonetic&word linking&intonation จากเพลงที่ชอบ, เข้าบอร์ดฝรั่งของสิ่งที่ชอบมากๆ แล้วตอบปัญหาเรื่องนั้นในภาษาอังกฤษ, etc.
เอาไลน์ id มา เดี๋ยวพาเข้ากลุ่มฝึกภาษาอังกฤษ แต่ต้องขยันเข้าไปcalling นะ โดยเฉพาะสัปดาห์แรก ไม่งั้นเจ้าของกลุ่มเขาจะเตะเราออกจากกลุ่ม. ผมเข้าไปพูดคุยกันแทบทุกวัน ฟังไม่รู้เรื่องก็กลั้นใจฟังไป ไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง เรื่องซีเรียสบ้าง เรื่องฮาบ้าง เรื่องภาษาบ้าง จนสนิทกันครับ. แล้วมันเห็นได้ชัดเลยว่า คนที่หายหน้าหายตา พอกลับเข้ามา จะพูดไม่คล่องเหมือนเดิม 5555
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=-SObetOJ_yY&t=398s
https://www.youtube.com/results?search_query=english%20intonation
https://www.youtube.com/results?search_query=english+word+linking
ส่วน inspiration นั้น ควรหาจากสิ่งที่เราทำบ่อยที่สุด เช่น หาข้อมูลของงานที่ทำบ่อยๆ ในภาษาอังกฤษ (งานก็ก้าวหน้า ภาษาก็ได้ด้วย), แปลเพลงที่ชอบ, ฝึก phonetic&word linking&intonation จากเพลงที่ชอบ, เข้าบอร์ดฝรั่งของสิ่งที่ชอบมากๆ แล้วตอบปัญหาเรื่องนั้นในภาษาอังกฤษ, etc.
เอาไลน์ id มา เดี๋ยวพาเข้ากลุ่มฝึกภาษาอังกฤษ แต่ต้องขยันเข้าไปcalling นะ โดยเฉพาะสัปดาห์แรก ไม่งั้นเจ้าของกลุ่มเขาจะเตะเราออกจากกลุ่ม. ผมเข้าไปพูดคุยกันแทบทุกวัน ฟังไม่รู้เรื่องก็กลั้นใจฟังไป ไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง เรื่องซีเรียสบ้าง เรื่องฮาบ้าง เรื่องภาษาบ้าง จนสนิทกันครับ. แล้วมันเห็นได้ชัดเลยว่า คนที่หายหน้าหายตา พอกลับเข้ามา จะพูดไม่คล่องเหมือนเดิม 5555
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=dfoRdKuPF9I
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=nbnRm_3_QKU
https://www.youtube.com/watch?v=-SObetOJ_yY&t=398s
https://www.youtube.com/results?search_query=english%20intonation
https://www.youtube.com/results?search_query=english+word+linking
cut ออกเสียงว่า cut เพราะไม่มี สระ e แบบ cute
cut ออกเสียงว่า cut เพราะไม่มี สระ e แบบ cute, สระ e ทำให้ cute อ่านว่า cu-te แต่ te มีเสียงน้อย เพราะ t เป็น voiceless ในระบบ phonetic (ในภาษาฝรั่งเศสก็ใช้หลักคล้ายกันนี้ เพราะเป็นภาษากลุ่ม indoeuropian เหมือนกัน).
หนึ่ง แต่ cut กูเกิ้ลให้ออกเสียงชวานะ, ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับแบบอเมริกัน.
https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/cute
https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/cut
หนึ่ง แต่ cut กูเกิ้ลให้ออกเสียงชวานะ, ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับแบบอเมริกัน.
https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/cute
https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/cut
ป้ายกำกับ:
Pronunciation (ออกเสียง),
Vocabulary (ศัพท์)
วิเคราะห์ศัพท์ #concurrence:
con ในอรรถ "ร่วมกัน" เหมือนคำว่า contain = con (ร่วมกัน) + tain (บรรจุ,ถึง,อยู่).
currence ก็คือ cur ใน อรรถ "ปัจจุบัน" เป็นนามธรรม (abstract form) ของ current นั่นเอง เหมือนคำว่า cursor (mouse pointing) ก็คือ concrete form ของ current เช่นกัน ครับ.
Concurrence จึงแปลว่า นามธรรมร่วมกัน ก็คือ ฉันทามติ ความเห็นชอบร่วมกัน ความเห็นพ้องกัน ความตกลงปลงใจร่วมกันนั่นเอง.
con ในอรรถ "ร่วมกัน" เหมือนคำว่า contain = con (ร่วมกัน) + tain (บรรจุ,ถึง,อยู่).
currence ก็คือ cur ใน อรรถ "ปัจจุบัน" เป็นนามธรรม (abstract form) ของ current นั่นเอง เหมือนคำว่า cursor (mouse pointing) ก็คือ concrete form ของ current เช่นกัน ครับ.
Concurrence จึงแปลว่า นามธรรมร่วมกัน ก็คือ ฉันทามติ ความเห็นชอบร่วมกัน ความเห็นพ้องกัน ความตกลงปลงใจร่วมกันนั่นเอง.
Idiot, prick จะประมาณ stupid และอื่นๆ
cr. ครูปอย
ขอเพิ่มเติมคำศัพท์นิดนึง เพราะจะค่อนไปทาง British slang
ประโยค Sebastian, I’m feeling a little randy.
ต่อมา ประโยค Really? That’s smashing news.
ยังมีประโยค I’m just coming over there to give you a jolly good rogering.
น่าจะพูดประมาณนี้นะคะ
ถือว่าได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆแล้วกัน 555
ไม่รู้ว่า มีใครเคยดูซีรีย์ฝั่งอังกฤษ เรื่อง Skins หรือเปล่า เก่าพอสมควร
เพราะเป็นเกี่ยวกับวัยรุ่น ศัพท์พวกนี้ก็เลยเยอะหน่อย ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็ถือว่าได้รู้ศัพท์ใหม่ไปในตัว (ถึงจะไม่เคยเอาไปใช้ก็ตาม) 555
ขอยกตัวอย่างบางอันที่ยังพอจำได้
เลยจะสรุปคำที่เอาไว้ใช้ว่าคนอื่นได้ประมาณนี้
- ไม่แรงมาก (หรือเปล่า 555)
Idiot, prick จะประมาณ stupid
- แรงขึ้นมาอีกนิด
Bastard (แต่ถ้าเป็น old-fashioned จะหมายถึง ลูกนอกไส้ เกิดจากภรรยานอกสมรส เหมือนใน Game of Thrones)
- แรงมากๆ ไม่ควรใช้เลย
Twat, wanker (อันนี้เคยถามฝรั่งที่พูดไทย เค้าบอกว่า แปลว่า หน้าตัว...) 😑
แต่อย่างคำว่า wicked ที่แปลว่า เจ๋ง เหมือน cool, awesome
ใน Harry Potter ก็มีใช้หลายครั้งเหมือนกันนะ 😉
ป้ายกำกับ:
Daily life (ชีวิตประจำวัน),
Vocabulary (ศัพท์)
หลักการสนทนาให้ต่อเนื่องไม่ใช่ต่างคนต่างเงียบ
หลักการสนทนาให้ต่อเนื่องไม่ใช่ต่างคนต่างเงียบ
1. clarification ซักให้เคลีย
2. simplification พูดให้ง่าย
3. verification ใช่หรือไม่
1. clarification ซักให้เคลีย
2. simplification พูดให้ง่าย
3. verification ใช่หรือไม่
สำนวนทักทายใช้บ่อย, และไม่เกรงใจ
Hey! it has been a while
Hay! long time no see (อันนี้อังกฤษเอามาจากคนจีน)
Hay! how's life
https://www.facebook.com/EasyEnglishThai2017/videos/2082765665335459/
อย่างเกรงใจ considerate (adj)
ไม่เกรงใจ inconsiderate
ฉันเกรงใจเพื่อนร่วมงาน I feel bad for the people who are working.
ฉันไม่อยากรบกวยพวกเขา I don't want to disturbe them.
https://www.facebook.com/EasyEnglishThai2017/videos/2145754539036571/
Hay! long time no see (อันนี้อังกฤษเอามาจากคนจีน)
Hay! how's life
https://www.facebook.com/EasyEnglishThai2017/videos/2082765665335459/
อย่างเกรงใจ considerate (adj)
ไม่เกรงใจ inconsiderate
ฉันเกรงใจเพื่อนร่วมงาน I feel bad for the people who are working.
ฉันไม่อยากรบกวยพวกเขา I don't want to disturbe them.
https://www.facebook.com/EasyEnglishThai2017/videos/2145754539036571/
งานแต่งเองร้องเองก็มา #IfClauseSong
งานแต่งเองร้องเองก็มา #IfClauseSong
If I sing it, she will cry.
If I sang it, she would die.
If I hadn't sung once more time,
she would has slept in peace~
ถ้าฉันร้องเพลง เธอจะงอแง,
เนื่องจากฉันไม่ได้ร้องเพลงเลย, เธอเลยไม่ได้งอแง,
ถ้าฉันไม่ได้ร้องเพลงสักครั้ง, เธอก็คงหลับสบายไปแล้ว 555
ได้ inspiration จาก https://www.youtube.com/watch?v=pOESKr4HRG0&list=PLswOMTIz20LIJ-qp9Ib6xCe3HZprdp7f3
If I sing it, she will cry.
If I sang it, she would die.
If I hadn't sung once more time,
she would has slept in peace~
ถ้าฉันร้องเพลง เธอจะงอแง,
เนื่องจากฉันไม่ได้ร้องเพลงเลย, เธอเลยไม่ได้งอแง,
ถ้าฉันไม่ได้ร้องเพลงสักครั้ง, เธอก็คงหลับสบายไปแล้ว 555
ได้ inspiration จาก https://www.youtube.com/watch?v=pOESKr4HRG0&list=PLswOMTIz20LIJ-qp9Ib6xCe3HZprdp7f3
ใช้ "Did you ever met Elvis Presley?" กับ Celine Dion ไม่ได้ และใช้ "Have you ever met Celine Dion?" กับ Elvis Presley ไม่ได้เช่นกัน
ใช้ "Did you ever met Elvis Presley?" กับ Celine Dion ไม่ได้ และใช้ "Have you ever met Celine Dion?" กับ Elvis Presley ไม่ได้เช่นกัน. เว้นแต่จะเป็นหนังสือประวัติที่เล่าเหมือนกับว่าผู้แต่งอยู่ในยุคของ Elvis Presley ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ.
I wondered about "did you ever" and "have you ever", and I have found above topic from stackexchange.
conclusion: "did you ever" ask about the finished time, but "have you ever" ask about the time until this present moment, i.e. "Did you ever met Elvis Presley?" and "Have you ever met Celine Dion?". The both example can't use as the stand-in of each other, because we ṣtill able to meet Celine Dion, but Elvis Presley.
https://english.stackexchange.com/questions/287078/is-it-wrong-to-use-did-you-ever-in-a-sentence
I wondered about "did you ever" and "have you ever", and I have found above topic from stackexchange.
conclusion: "did you ever" ask about the finished time, but "have you ever" ask about the time until this present moment, i.e. "Did you ever met Elvis Presley?" and "Have you ever met Celine Dion?". The both example can't use as the stand-in of each other, because we ṣtill able to meet Celine Dion, but Elvis Presley.
https://english.stackexchange.com/questions/287078/is-it-wrong-to-use-did-you-ever-in-a-sentence
cr. ครูปอย
เท่าที่รู้มานะคะ นอกจากความแตกต่างระหว่าง American กับ British English แล้ว ก็จะมีรายละเอียดย่อยด้วย
1- มีความแตกต่างระหว่าง American English กับ British English โดยเฉพาะในภาษาพูด เพราะ American English ไม่ค่อยใช้ Perfect Tenses
I ate. (ทานข้าวไปแล้ว ตอนนี้อาจเริ่มรู้สึกหิว)
I have just/already eaten. (ทานไปแล้ว อาจเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยังรู้สึกอิ่ม)
I just ate. (เป็น American English ที่หมายถึงได้ทั้ง 2 กรณีข้างต้น)
ใน British English จะไม่ใช้ just/already กับ Past Tenses ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน
อีกตัวอย่าง
I went to Thailand (when I was young).
เคยไปเมืองไทย แต่อาจเป็นตอนเด็กมากๆ ตอนนี้จำอะไรไม่ได้เลย อาศัยฟังจากที่พ่อแม่เล่า
I have been to Thailand.
เคยไปเมืองไทย แต่อาจเป็นตอนโตแล้ว เพราะยังพอจำรายละเอียดได้
อีกตัวอย่าง
I saw/watched Harry Potter and the Chamber of Secret.
เคยดู แต่แทบจำเนื้อหาของเรื่องไม่ได้
I have seen/watched Harry Potter and the Chamber of Secret.
เคยดู และยังพอจำเนื้อหาได้
2- เรื่องของคำศัพท์
ขอยกตัวอย่าง เรื่อง film/movie ที่เคยคุยกัน @BonnWarapol
We “saw” Harry Potter and the Chamber of Secret last night. (ดูที่โรงเท่านั้น)
We “watched” Harry Potter and the Chamber of Secret last night. (ดูที่อื่น เช่น บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน ฯลฯ)
We were “watching” Harry Potter and the Chamber of Secret when you called. (กำลังดูอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงหรือที่อื่นๆ)
Have you “seen” Harry Potter and the Chamber of Secret?
Have you “watched” Harry Potter and the Chamber of Secret?
กรณีนี้ (ถามว่า เคยดูหรือยัง) ที่เคยรู้มาตั้งแต่แรก จำเป็นต้องใช้ see
แต่ต่อมา สังเกตเห็นคนใช้ watch เลยเอาไปถามคนอเมริกัน และเค้าบอกว่า ความหมายเหมือนกันค่ะ
(และอาจเชื่อมโยงกับข้อ 1) ตอนนี้บางคนก็ไม่เห็นความแตกต่างระหว่าง 4 ตัวนี้แล้วค่ะ
Did you “see” that film they talked much about?
Did you “watch” that film they talked much about?
Have you “seen” that film they talked much about?
Have you “watched” that film they talked much about?
เท่าที่รู้มานะคะ นอกจากความแตกต่างระหว่าง American กับ British English แล้ว ก็จะมีรายละเอียดย่อยด้วย
1- มีความแตกต่างระหว่าง American English กับ British English โดยเฉพาะในภาษาพูด เพราะ American English ไม่ค่อยใช้ Perfect Tenses
I ate. (ทานข้าวไปแล้ว ตอนนี้อาจเริ่มรู้สึกหิว)
I have just/already eaten. (ทานไปแล้ว อาจเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยังรู้สึกอิ่ม)
I just ate. (เป็น American English ที่หมายถึงได้ทั้ง 2 กรณีข้างต้น)
ใน British English จะไม่ใช้ just/already กับ Past Tenses ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน
อีกตัวอย่าง
I went to Thailand (when I was young).
เคยไปเมืองไทย แต่อาจเป็นตอนเด็กมากๆ ตอนนี้จำอะไรไม่ได้เลย อาศัยฟังจากที่พ่อแม่เล่า
I have been to Thailand.
เคยไปเมืองไทย แต่อาจเป็นตอนโตแล้ว เพราะยังพอจำรายละเอียดได้
อีกตัวอย่าง
I saw/watched Harry Potter and the Chamber of Secret.
เคยดู แต่แทบจำเนื้อหาของเรื่องไม่ได้
I have seen/watched Harry Potter and the Chamber of Secret.
เคยดู และยังพอจำเนื้อหาได้
2- เรื่องของคำศัพท์
ขอยกตัวอย่าง เรื่อง film/movie ที่เคยคุยกัน @BonnWarapol
We “saw” Harry Potter and the Chamber of Secret last night. (ดูที่โรงเท่านั้น)
We “watched” Harry Potter and the Chamber of Secret last night. (ดูที่อื่น เช่น บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน ฯลฯ)
We were “watching” Harry Potter and the Chamber of Secret when you called. (กำลังดูอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงหรือที่อื่นๆ)
Have you “seen” Harry Potter and the Chamber of Secret?
Have you “watched” Harry Potter and the Chamber of Secret?
กรณีนี้ (ถามว่า เคยดูหรือยัง) ที่เคยรู้มาตั้งแต่แรก จำเป็นต้องใช้ see
แต่ต่อมา สังเกตเห็นคนใช้ watch เลยเอาไปถามคนอเมริกัน และเค้าบอกว่า ความหมายเหมือนกันค่ะ
(และอาจเชื่อมโยงกับข้อ 1) ตอนนี้บางคนก็ไม่เห็นความแตกต่างระหว่าง 4 ตัวนี้แล้วค่ะ
Did you “see” that film they talked much about?
Did you “watch” that film they talked much about?
Have you “seen” that film they talked much about?
Have you “watched” that film they talked much about?
ป้ายกำกับ:
Daily life (ชีวิตประจำวัน),
Grammar (ไวยากรณ์)
วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
ถ้าใช้ by อย่าเจาะจง article ใดๆ เพราะตัวหลังจาก by เป็น mass noun (abstract) คือ method of transportation ไม่ใช่ count noun.
ถ้าใช้ by อย่าเจาะจง article ใดๆ เพราะตัวหลังจาก by เป็น mass noun (abstract) คือ method of transportation ไม่ใช่ count noun.
คือ ไม่ใช่ by เจาะจงตัว แต่ต้องเป็นแค่ by ประเภท
เช่น ไม่ใช่ by bike ไม่ใช่ by my bike ได้แค่ by bike เท่านั้น
https://english.stackexchange.com/questions/288596/why-is-i-go-to-work-by-my-bicycle-wrong
คือ ไม่ใช่ by เจาะจงตัว แต่ต้องเป็นแค่ by ประเภท
เช่น ไม่ใช่ by bike ไม่ใช่ by my bike ได้แค่ by bike เท่านั้น
https://english.stackexchange.com/questions/288596/why-is-i-go-to-work-by-my-bicycle-wrong

ป้ายกำกับ:
Tips&Tricks (เทคนิคฝึกภาษา),
Vocabulary (ศัพท์)
through (ถรูก์ห), though (โถก์ห), thought (ถอก์ห-ฏึ), และ taught (ฏอจ-ฏึ)
ตะกี้ดูซีรีส์ฝรั่งแล้ว เจอคำว่า through ฟังเข้าออกเสียงแล้วก็ทำให้รู้ว่า ทำไม through (ถรูก์ห), though (โถก์ห), thought (ถอก์ห-ฏึ), และ taught (ฏอจ-ฏึ) จึงออกเสียงต่างกัน เลยมาเล่าให้ฟัง.
#though (โถก์ห) โดยหลักของ middle english (french) ou ต้องออกเสียง อู (เช่น pour ปูค) เป็น ถู ซึ่งManners of articulation (ฐานกรณ์) ต้องห่อปาก และ g ก็ต้องปิดฐานคอ (คล้ายคำไทยว่า "ถูก") แต่เพราะต้องออกเสียงท้ายว่า h ซึ่งฐานกรณ์อยู่ที่ทรวงอก ฉะนั้น ความแรงของลม ทำให้เสียงที่ออกมากลายเป็นเปลี่ยน ou กับ h เป็น โอ โถห์ ในที่สุด.
#through (ถรูก์ห) คำนี้ วิเคราะห์แบบเดียวกับ though แต่ตัว r ไม่ว่าจะสำเนียง uk หรือ us กรณ์ต้องยกโคนลิ้นขึ้นไปที่ฐาน (แต่ us สะบัดปลายลิ้นขึ้นท้าย r ด้วย) ทำให้ช่องลมที่ควรจะออกเป็นโถก์หมันแคบลงเหมือนตอนที่ออกสระอูด้วยปาก เสียงจึงออกมาเป็น "อู" แทน "โอ", ฐานกรณ์คนละอย่างกัน แต่เสียงที่ออกมาจะเหมือนกัน.
#thought (ถอก์ห-ฏึ) คำนี้ วิเคราะห์แบบเดียวกับ though เช่นกันออกเสียงแบบเดียวกัน แต่เพราะถูกเสียง t ท้ายมาปิดช่องลมของ h เสียงจึงลดลงมาจาก โอ เหลือแค่ ออ. th ฐานอยู่ที่ไรฟัน ส่วน t ท้าย ฐานอยู่ที่ปุ่มเหงือก.
#taught (ฏอจ-ฏึ) โดยหลักของ middle english (french) au ต้องออกเสียง โอ (เช่น au bon pain โอ บอง แปง) แต่เพราะถูกเสียง t ท้ายมาปิดช่องลมของ h เสียงจึงลดลงมาจาก โอ เหลือแค่ ออ. th ฐานอยู่ที่ไรฟัน ส่วน t ท้าย ฐานอยู่ที่ปุ่มเหงือก.
ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะไม่ออกเสียง 4 คำนี้สลับกันอีกเลย เพราะพอขยับฐานกรณ์ผิด จะรู้ทันทีว่า เสียงมันจะออกมาผิดแน่นอน.
#though (โถก์ห) โดยหลักของ middle english (french) ou ต้องออกเสียง อู (เช่น pour ปูค) เป็น ถู ซึ่งManners of articulation (ฐานกรณ์) ต้องห่อปาก และ g ก็ต้องปิดฐานคอ (คล้ายคำไทยว่า "ถูก") แต่เพราะต้องออกเสียงท้ายว่า h ซึ่งฐานกรณ์อยู่ที่ทรวงอก ฉะนั้น ความแรงของลม ทำให้เสียงที่ออกมากลายเป็นเปลี่ยน ou กับ h เป็น โอ โถห์ ในที่สุด.
#through (ถรูก์ห) คำนี้ วิเคราะห์แบบเดียวกับ though แต่ตัว r ไม่ว่าจะสำเนียง uk หรือ us กรณ์ต้องยกโคนลิ้นขึ้นไปที่ฐาน (แต่ us สะบัดปลายลิ้นขึ้นท้าย r ด้วย) ทำให้ช่องลมที่ควรจะออกเป็นโถก์หมันแคบลงเหมือนตอนที่ออกสระอูด้วยปาก เสียงจึงออกมาเป็น "อู" แทน "โอ", ฐานกรณ์คนละอย่างกัน แต่เสียงที่ออกมาจะเหมือนกัน.
#thought (ถอก์ห-ฏึ) คำนี้ วิเคราะห์แบบเดียวกับ though เช่นกันออกเสียงแบบเดียวกัน แต่เพราะถูกเสียง t ท้ายมาปิดช่องลมของ h เสียงจึงลดลงมาจาก โอ เหลือแค่ ออ. th ฐานอยู่ที่ไรฟัน ส่วน t ท้าย ฐานอยู่ที่ปุ่มเหงือก.
#taught (ฏอจ-ฏึ) โดยหลักของ middle english (french) au ต้องออกเสียง โอ (เช่น au bon pain โอ บอง แปง) แต่เพราะถูกเสียง t ท้ายมาปิดช่องลมของ h เสียงจึงลดลงมาจาก โอ เหลือแค่ ออ. th ฐานอยู่ที่ไรฟัน ส่วน t ท้าย ฐานอยู่ที่ปุ่มเหงือก.
ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะไม่ออกเสียง 4 คำนี้สลับกันอีกเลย เพราะพอขยับฐานกรณ์ผิด จะรู้ทันทีว่า เสียงมันจะออกมาผิดแน่นอน.
ป้ายกำกับ:
Pronunciation (ออกเสียง),
Tips&Tricks (เทคนิคฝึกภาษา)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)