วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

แบบฝึกออกเสียง


ที่มา: http://theenglishcircle.blogspot.com/2008/12/phonics.html

Alphabet ตัวอักษรภาษาอังกฤษเราทราบกันแล้วว่ามี 26 ตัว
แบ่งเป็น พยัญชนะ 21 ตัว ภาษาอังกฤษเรียกว่า Consonants
สระ 5 ตัว ภาษาอังกฤษเรียกว่า Vowels

ตัว A ตัว B ตัว C เมื่อเราเรียก คือ เอ บี ซี นั้นคือชื่อของเขาค่ะ แต่เสียงของเขาเราลองมาดูกันนะคะ เริ่มจากสระก่อน

Vowels สระมีทั้งเสียงสั้น และเสียงยาว

สระเสียงสั้น Short A sound เช่นคำว่า apple เราออกเสียงว่า แอพเพิล เสียงของ ตัว A เสียงสั้นจึงเป็นเสียง แอ

Example: hat cat rat fat mat bat

ขอทำความเข้าใจสักนิดว่า การเรียนภาษาอังกฤษผู้สอนพยายามที่จะไม่เทียบกับภาษาไทยลองนึกถึงเด็กฝรั่งเจ้าของภาษาดูนะคะ ว่าเขาไม่รู้ภาษาไทยเขาจะเทียบกับเสียงอะไรเขาก็จะเรียนจากเสียงของแต่ละตัว Alphabet เลยคะ
Short E sound เช่น egg เราอ่านคำนี้ว่า เอ็ก เสียงของ e เสียงสั้นจึงเป็นเสียง เอะ

Example: bed red bell ten hen pen web

Short I sound เช่น ink เราอ่านคำนี้ว่า อิงค เสียงของ i เสียงสั้นจึงเป็นเสียง อิ
Example: pig wig dish fish gift

Short O sound เช่น fox เราอ่านคำนี้ว่า ฟอคส เสียงของ o เสียงสั้นจั้งเป็นเสียง ออ
Example: box ox mop sock lock clock top doll

Short U sound เช่น duck เราอ่านคำนี้ว่า ดัค เสียงของ u เสียงสั้นคือเสียง เออะ
Example: bug bus sub cub truck

สระเสียงยาว นั้นคือตัวที่เราค่อนข้างคุ้นเคยเพราะเราเรียกชื่อตัวอักษรนั้นๆ อยู่แล้ว ชื่อที่เราเรียก
A E I O U ก็คือสระเสียงยาวนั้นเอง

Long A Sound เช่น Ace เราอ่านว่า เอดส เสียง A เสียงยาวจึงเป็นเสียง เอ
แต่ Long A ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ ด้วย เช่น
_ay tray play spray hay jay

_ai sail snail train rain

_eigh eight weigh
ขอให้สังเกตว่าเสียง egg กับ eight ต่างกันเพราะ egg เป็นสระ e เสียง สั้น แต่ eight เป็น สระ a เสียงยาว

_a เสียงยาวที่ตามด้วย e ที่ไม่ออกเสียงขอให้ดูตัวอย่าง
Short a sound Long a sound+silente
mad (แอ) made (เอ)
แมด เมด
man mane
แมน เมน
can cane
แคน เคน
hat hate
แฮท เฮท
cap cape
แคพ เคพ

Long E sound เช่น key เราอ่านว่า คี เสียง E เสียงยาวจึงเป็นเสียง อี แต่ Long E ยังมาให้เห็นในรูปอื่น ๆ เช่น

_ee tree three teeth feet meet sheep

_ea meat peanut seal jeans eagle

_ey monkey money donkey

_ie,e he she field shield cookie chief thief

Long I sound เช่น ice เราอ่านว่า ไอส เสียง I เสียงยาวจึงเป็นเสีย ไอ
แต่ Long I ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ เช่น

_ie,y fly my shy pie tie

_igh high night light fight

_ild,ind find kind mind blind wild child

i เสียงยาวตามด้วย e ที่ไม่ออกเสียง
time write hive five bike

Long O sound เช่น goat เราอ่านว่า โกท เสียง O เสียงยาวจึงเป็นเสียง โอ แต่ Long O ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ เช่น

_oe,oa toe hoe road coat boat toast

_o,ow,old,ost gold crow bowl snow ghost go no old

O เสียงยาวตามด้วย e ที่ไม่ออกเสียง
rope nose bone home rose hole note

Long U sound เช่น University เราอ่านว่า ยูนิเวอซิตี้ เสียง U เสียงยาว แต่ Long U ยังมาให้เห็นในรูปอื่นๆ เช่น

_ui,ew,ue screw suit tube cube huge
glue fuel few use view


พยัญชนะ Consonants

B b ถ้าอยากได้ยินเสียงของตัวอักษร B ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดูนะคะ
bat bird boat bear เราจะได้ยินเสียงของตัว B คือเสียง เบอะ

C c ตัว c จะมี 2 เสียง คือเสียง เบา กับเสียง หนัก
C เสียงเบาจะออกเสียงตามชื่อเขาเลยค่ะ คือ ซี
เช่น Circle ceiling cell central cereal

C เสียงหนักก็ที่เราคุ้นเคย กัน
เช่น cat cow car come cake
เราจะได้ยินเสียงของตัว C คือเสียง เคอะ

D d ลองออกเสียงคำเหล่านี้เพื่อจะได้ยินเสียงของตัวอักษร D
dog door duck doll dance deer drum
เราจะได้ยินเสียงของตัว D คือเสียง เดอะ

F f ลองออกเสียง คำเหล่านี้เพื่อจะได้ยินเสียงของตัว F
fan four fun fish food fly
เสียงตัว f ที่เราได้ยินคือเสียงที่ลมแทรกผ่านฟันบนและริมฝีปากล่างออกมา

G g ตัว g มี 2 เสียง คือเสียง เบา และเสียง หนัก
G เสียงเบา จะออกเสียง เจอะ หรือ ตามชื่อของเขา คือ จี
เช่น Giraffe orange gerbil gel gym
G เสียงหนัก ถ้าเราออกเสียงคำเหล่านี้จะได้เสียง G หนัก คือ เกอะ
เช่น gun go game girl goose ghost good

H h ต้องออกเสียง Hot House Home Hand ham
เสียงที่เราต้องออกเพื่อให้ได้คำเหล่านี้คือ เฮอะ

J j ลองออกเสียงคำเหล่านี้ jump jar jet jug
(ขอให้สังเกตคำว่า jug มีตัว g ลงท้ายต้องมีเสียง g ตามหลังด้วยนะคะ คือเสียง เกอะ แต่ก็ไม่ต้องเป็น จัค-เกอะ ออกมาแรง ๆ แค่ออกเกอะในลำคอก็พอค่ะ)
jam เพราะฉะนั้นเราได้ข้อสรุปหรือยังค่ะว่าคำนี้ออก แจมหรือแยม ถูกต้องค่ะ แจมแน่นอนเพราะเสียงของตัว j คือ เจอะ ส่วนแยมก็ถูกต้องของภาษาไทยค่ะ

K k ลองออกเสียงคำเหล่านี้ kick kite kitchen king kiss
เราจะได้เสียงของ k คือ เคอะ แต่จะเป็นเคอะที่ออกเสียงหนักกว่าเสียง c นะคะ

L l ตัว L ถ้าเราวางตำแหน่ง ลิ้นไว้หลังฟันหน้าด้านในติดกับเพดานเราก็จะได้เสียงของตัว L ที่ ถูกต้องขอให้ลองออกคำเหล่านี้ lion love leg lemon lock look
ขอให้สังเกตุคำที่ลงท้ายด้วย L ก็ต้องออกเสียงด้วยนะคะ เช่น oil ออย-เอิล หรือ style สไต-เอิล

M m จะออกเสียงคำเหล่านี้ moon monkey money man map
เสียงที่เราได้คือเสียง อืม หรือเวลาที่เราทานอะไรอร่อยแล้วทำเสียง อืม อืม นั้นแหละค่ะ

N n ลองออกเสียงนคำเหล่านี้ noon name nail nine new
เสียงที่เราได้คือเสียง นือ ที่ค่อนข้างขึ้นจมูก ลองสังเกตุคำว่า wine เราต้องออกเสียง n ไว้ ข้างท้ายคำด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะได้เสียงของคำว่า Why นะคะ

P p ลองออกเสียงคำเหล่านี้ pan pands paper pocket pen party
เสียง P ที่เราได้คือเสียง เพอะ เสียงท้ายของคำที่ลงท้ายด้วย P ก็ต้องออกเช่นกัน เช่น cup แต่เราไม่ต้องออก คัพ-เพอะ ออกมาขนาดนั้น แค่คุณเปิดริมผีปาก คุณก็จะได้เสียงของคำว่า cup ที่ถูกต้องค่ะ

Q q ลองออกเสียงคำเหล่านี้ queen quiz question quick
เสียง Q ที่เราได้คือ ควะ หรือคล้าย ๆ กับเสียงที่เป็ดร้องนั้นหละค่ะ

R r เสียงของตัว R ถ้าเราจะทำเสียงเหมือนตอนที่เรากลั้วคอตอนเช้า หรือทำเสียงที่เวลาเด็กๆ เล่นรถ แล้วทำเสียง รื่อ รื่อ ก็จะได้เสียงของตัว r ที่ถูกต้องค่ะ rat run rabbit ring road red read คำที่ลงท้ายด้วย r ก็ต้องมีเสียง r ข้างท้ายด้วยนะคะ เช่น คำว่า car river
S s ลองออกเสียงคำว่า sun sit sand sail soap sad
เสียงตัว S ที่เราได้ คือ ซือ แค่เสียงที่ขบฟันไว้แล้วให้ลมผ่านออกมาก็จะได้เสียงของ
s- ce- se ด้วยค่ะ

T t ลองออกเสียงคำว่า tap table talk take taxi
เสียง T ที่เราได้คือเสียง เทอะ แน่นอนคำที่ลงท้ายด้วย t ก็ต้องมีเสียงของ t ด้วยเช่น
pat แพท-เทอะ(เบา) แต่ก็ไม่ต้องออกเสียงท้ายแรงมากจนเป็น แพท-เทอะ นะคะ

V v ถ้าจะให้ได้เสียง V ที่ถูกต้อง ฟันบนกัดริมฝีปากล่างไว้แล้วออกเสียง เวอ
สังเกตว่าริมฝีปากล่างจะมีความสั่นสะเทือนเช่น van video view violin
คำที่ลงท้ายด้วย v ก็ต้องมีเสียง v ข้างท้ายด้วยนะคะ เช่น คำว่า drive five

W w ตัวอักษรนี้มีชื่อว่า ดับเบิลยู นะคะอย่าไปเปลี่ยนชื่อของเขา
ลองออกเสียง water watch wall way walk wait we
เสียง w ที่เราได้คือ เสียง เวอะ หรือ วะ
ตัวตั้งคำถามทั้งหมดที่เรารู้จักเช่น What Where When Why ก็ออกเสียง w นะคะ

X x เสียงของ x คือเสียง k กับเสียง sที่ออกเร็ว ๆ ติดกัน เช่น x-ray xylophone
เสียง x โดยมากจะลงท้ายคำหลายๆ คำ ที่เรารู้จักแต่ไม่ค่อยยอมออกเสียงกัน
จึงทำให้คำนั้นเสียงเพี้ยนไป เช่น box fox ox

Y y เสียงของ y คือเสียงของคำว่า yes year yellow yesterday you
เราจะได้เสียง เยอะ จากการออกเสียงทุกๆ คำข้างต้น

Z z ตัวอักษรตัวนี้ถ้าคนอังกฤษหรือคนออสเตเลียนจะเรียกว่า แซด แต่คนอเมริกันจะเรียกว่า ซี
แต่ เสียงของตัว z นี้ก็คือเสียงเดียวกันคือ เสียงที่จะมีความสั่นสะเทือนระหว่างลิ้นและเพดาน เช่น เมื่อเราออกคำว่า zoo zebra zero zip zig zag



การออกเสียงภาษาอังกฤษ ยังมีคำที่ออกเสียงเหมือนเสียงควบ เช่น

bl_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ black blame blanket blow blind blink block blood blouse blue
สังเกตว่าคำพวกนี้ ต้องออกทั้งเสียง b และเสียง l เช่น ถ้าคุณจะอ่านคำว่า black จะต้องออกเสียงว่า เบอะ-แลค เร็วๆ เป็น แบลค คุณจะไม่ออกแค่ แบค

cl_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ clap class claw clay clean clear clever cliff climb clock close cloth clothes cloud clown clue
คำทั้งหมดคุณต้องออกเสียงของ c และเสียงของ l เช่น ถ้าคุณอ่านคำว่า class ก็จะได้เสียงว่า
เคอะ-ลาส เร็วๆ เป็น คลาส ไม่ใช่แค่ คาส

dr_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ drag drain drink draw dream dress drill drip drive drop drum dry
คำทั้งหมดเมื่อคุณออกเสียงจะต้องมีน้ำเสียง d และเสียง r เช่นคุณอ่านคำว่า drink จะได้เสียงว่า
เดอะ-ริงค เร็วๆ ดริงค ไม่ใช่แค่ ดิ้ง

fl_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ flag flame flash flat flavor fly float flood flower flu flute
คำทั้งหมดคุณต้องออกเสียงของทั้ง f และ l เช่น เมื่อคุรจะอ่านคำว่า fly จะได้เสียงว่า เฟอะ-ลาย เร็วๆ เป็นฟลาย ไม่ใช่แค่ ฟาย

gr_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ grab grandmother grape grass green grow grill group grow
คำทั้งหมดต้องออกเสียงของทั้ง g และ r เช่นเมื่อเราต้องการอ่านคำว่า grass ต้องออกเสียงว่า
เกอะ-ราส เร็วๆ เป็นกลาส ไม่ใช่แค่ กาส ยังมีอีกหลายคำที่ออกเสียงควบลองช่วยกันหาเพิ่มเติมดูนะคะ

sn_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ snack snail snake sneeze snore snow
คำทั้งหมดต้องออกเสียงทั้ง s และ n ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า สะ-เนอะ ของทุกๆ คำ

tw_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ twelve twenty twig twin twist
คำเหล่านี้ต้องออกเสียงทั้ง t และ w ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า เทอะ-เวอะ ของทุกๆ คำ

st_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ stop step stick still sting store stone stir storm story street study strong
คำเหล่านี้ต้องออกเสียงที่ตัว s และt ซึ่งเราจะได้ยินเสียงว่า สะ-เทอะ ของทุกคำ

ch_ เสียง ch จะเป็นเสียง เชอะ ( สั้นและหนัก ) ซึ่งต่างกับเสียง sh คือเสียง ชู ( ยาวและเบา )
ลองออกเสียงคำเหล่านี้ดู
cheap sheep
chair share
change shape
cheese sheet
chew shoe

ph_ เสียงของ ph กับ f คือเสียงเดียวกัน ลองออกเสียงคำว่า phone photograph


sq_ ลองออกเสียงคำเหล่านี้ square squash squeeze squirrel
คำเหล่านี้ต้องออกเสียงทั้ง s และ q ซึ่งเราจะได้เสียงว่า สะ-ควะ ของทุกๆ คำ

th_ เสียง th เป็นเสียงที่ไม่สามารถเทียบได้กับภาษาไทยเลย ถ้าต้องการออกเสียง th ที่ถูกต้องนั้นลิ้นจะต้องอยู่ระหว่างฟันและมีลมแทรกผ่านออกมา เช่น thumb thing think thunder thursday

วิธีสอนหนังสือ


  1. ทดสอบความรู้ความสามารถทางการพูดของเขาก่อนเรียน
  2. ต้องแม่นในเนื้อหาก่อน อย่าเปิดหนังสือสอน เป็นการเรียกศรัทธาจากลูกค้า
  3. ลำดับเนื้อหา จากง่ายไปหายาก สอนจากเนื้อหาง่ายๆไปหายาก
  4. ที่สำคัญ ต้องเปรียบเทียบความแตกต่าง ในการออกเสียงแต่ละแบบ เพื่อให้เขามีหลักในการจำหรือทำความเข้าใจ
  5. ต้องสังเกตอาการ ว่าเขาเข้าใจมั๊ย ทำได้รึเปล่า ให้เขาฝึกปฏิบัติกับเรามากๆ
  6. อย่าอัดแต่เนื้อหามากเกินไป
  7. การเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือการปฏิบัติจริง ต้องให้เขาทำได้จริง แล้วเขาจะชอบเรียน สนุกกับการเรียน เช่น หาแบบฝึกจับคู่สนทนา ให้เขาฝึกหลายๆแบบ
  8. ต้องดูลูกค้าเป็นหลัก ว่าทำได้แค่ไหน ถ้าเขาปฏิบัติได้ดี เราก็อัดได้
  9. ถ้าพื้นฐานมาแบบโอเค ก็จัดโลดดด
  10. ทำให้การเรียนรู้มีบรรยากาศสนุกสนาน ไม่เครียด ไม่น่าเบื่อ